ตะกอนอารมณ์ จากชั่งหัวมัน ....

หมวดหมู่ของบล็อก: 

    ก่อนจะเริ่มเนื้อหาใหม่ ตามหัวข้อที่จั่วไว้ข้างบน ... ในเบื้องต้น ข้าพเจ้า ขออนุญาตใช้พื้นที่ของบล็อกนี้ ขอบคุณท่านที่เข้าไปอ่านบล็อก "ตามไปดูรอย ที่พ่อทรงประทับไว้"  ซึ่งขึ้นไปก่อนหน้านี้ แล้วได้ช่วยแสริม เติมเต็มข้อคิด และข้อมูลให้สมบูรณ์ นะขอรับ

     ด้วยว่าบทความนี้ เป็นส่วนสืบเนื่องจากบทความที่แล้ว แผกกันที่บทความก่อนหน้านี้ เป็นการนำเสนอข้อมูลปฐมภูมิ อันเป็นข้อเท็จจริง ที่ข้าพเจ้าประสบมา ประกอบเสริมด้วยข้อมูลทุติยภูมิ ที่ได้รับฟังจากเจ้าหน้าที่ของโครงการ ... ซึ่งความถูกต้องสมบูรณ์ในการนำเสนอ มาก – น้อย เพียงใด เป็นด้วยความทรงจำที่เสื่อมถอยของข้าพเจ้าเองเป็นปัจจัย ... ด้วยว่าบางส่วนข้าพเจ้าไม่ได้จดบันทึกไว้เป็นเอกสาร จึงต้องขออภัยท่านผู้รู้จริงอีกวาระ นะครับ

     ส่วนบทความ ที่บันทึกวันนี้ ... ส่วนใหญ่เป็นนามธรรม ซึ่งจะเรียกว่า เป็นตะกอนอารมณ์ จากการกระทบถึงกันของอารมณ์ภายนอก เข้ากับ หู – ตา ... แม้นไม่ใช่ ก็ใกล้เคียงแหละครับ

    ตะกอนแรกทีเดียว คงไม่ต่างจากผู้ ที่ได้เข้าไปชมโครงการ ท่านอื่น ๆ คือ ความตื่นใจ ที่ถูกปลุกเร้าด้วย อารมณ์ทางตา เมื่อมองสัมผัส ไปรอบโครงการ

     จากเสียงลือ เสียงเล่าอ้าง อันเป็นข้อมูลทุติภูมิสำหรับข้าพเจ้าว่า ... ณ ผืนดินแห่งนี้ ... แห้งแล้ง กันดาร ปลูกอะไรก็ขึ้นยาก มีเพียงจอมทรหด อย่างยูคาลิปตัส เท่านั้นที่ยืนหยัดอยู่ได้อย่างสง่า ... สวนมะนาวพันธุ์พื้นถิ่นที่เคยมีอยู่บ้าง ก็ยังต้องถูกเจ้าของปล่อยทิ้งร้าง อย่างยอมแพ้แก่สภาพแวดล้อมที่กอปรกัน

     แต่ข้อมูลปฐมภูมิที่ปรากฏ ณ เบื้องหน้าข้าพเจ้าขณะนั้น ช่างขัดแย้งกับจินตนาภาพของข้าพเจ้า ที่เคยสร้างขึ้นไว้ก่อนหน้านี้ ปานเทน้ำเก่าที่บรรจุในแก้วทิ้งไป แล้วรินบรรจุใหม่ด้วยน้ำใสเย็น ชวนดื่ม อย่างไร ก็อย่างนั้น

     ชื่นใจด้วยความเขียวขจี ของสนามหญ้า แลขนัดแปลงพืชพรรณ ที่ทางโครงการ จำแนกแยกชนิดปลูกไว้รายรอบ ... แม้จะไม่สูง ร่ม และฉ่ำกาย อย่างป่าดงดิบ ที่ข้าพเจ้าเคยบุกขึ้นไปเที่ยว ... แต่โอบใจให้ทุเลารน ลงได้ไม่เบา

     ตะกอนอารมณ์ถัดมาของข้าพเจ้า ในครั้งนั้น มีสัมผัสทางเสียงเป็นปัจจัยกวนให้ฟุ้งขึ้น ... เรื่องเกิดขึ้นหลังจากที่เรานำรถเข้าจอด ณ ลานจอดรถจุดที่สอง

     ขณะเดินพลางชมภูมิทัศน์ ไปยังจุดจอดรถบริการนำผู้เข้าชม ไปยังประตูเข้าชมกิจกรรม ... เสียงสุภาพสตรีลอยมาจากเบื้องหลัง

          “โอ้ โฮ ... ไกลออก ทางเข้ามา เขาซ่อมกันบ้างเปล่าไม่รุ ปล่อยให้เป็นหลุมเป็นบ่อ อย่างกับโลกพระจันทร์ ... ฉันคงเข็ดไปนาน....”

     ข้าพเจ้า อยากเหลียวกับไปดู แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ ที่จะทำอย่างนั้น ... แต่หันไปมองลูกที่เดินคู่กันมาแทน ...

     ลูกคงสะดุดความรู้สึกกับเสียงนั้นเช่นกัน ด้วยเห็นเขามองมายังข้าพเจ้าอยู่ก่อนแล้ว ...

     โดยไม่ได้เปล่งวจีกรรมใด ๆ ออกไป ... แต่ลูกคงเดาความรู้สึกของข้าพเจ้าได้บางส่วน จึงส่งยิ้มที่ข้าพเจ้าอ่านได้ว่า แฝงอารมณ์ระอามาด้วย ที่ชัด ๆ คืออากัปที่ลูกส่ายหน้าพร้อมการส่งยิ้ม ... ข้าพเจ้า ไม่เคยคุยเรื่องนี้กับลูกแม้จนบัดนี้

     แต่ ในตอนนั้น ข้าพเจ้า ก็รำพึงแก่ตัวเอง ว่า ...

         ‘อืม ไกล จริง ๆ อย่างคุณเธอว่านั่นแหละ’ ... แต่ที่ว่าถนนไม่สะดวก นั้น รู้สึกว่าจะเป็นข้อกล่าวหาที่ หยุมหยิมไปไหม ? ... เราก็ใช้ถนนเส้นเดียวกัน ... ระหว่างเดินทาง ข้าพเจ้าก็ใช่จะง่วง งีบ หลับ

     ดังนั้น ที่คุณเธอบ่นว่าถนนขรุขระ ข้าพเจ้าก็ผ่านมาด้วยกัน ซึ่งข้อเท็จจริง ก็มีอยู่สัก ช่วง สองช่วง ที่ผิวจราจรเป็นหลุม เป็นบ่อ เป็นระยะสั้น ๆ แต่หากใช้ความรัดระวัง และความเร็วไม่มากนัก ก็คงไม่เกิดอันตราย ... แต่ก็ให้อดขำ ๆ และสงสัย ต่อคำพร่ำบ่น ว่า เธอคงเป็นนักบินอวกาศ ที่เคยไปเหยียบดวงจันทร์มาแล้ว เพียงไม่เป็นข่าวเท่านั้นเอง ฮึ ๆ ๆ ๆ

     ในเมื่อข้อเท็จจริง ปรากฏว่า ... ระยะทางที่คุณเธอเดินทางเข้ามา ก็ไม่ต่างจากที่เราใช้ ... เส้นทางก็เส้นทางเดียวกัน ซึ่งปัจจุบัน ก็เป็นถนนลาดยางตลอดสาย รถยนต์นั่งเก๋ง ขับสบาย โดยใช้เกียร์ปกติ ... ไม่จำเป็นต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อ แต่ประการใด ...

     ตะกอนอารมณ์ จึงถูกกวนให้จินตนาภาพย้อนอดีต โดยไม่จำเป็นต้องหลับตา ว่า ... ณ กาลครั้ง พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว เสด็จนั้น ถนนไม่ได้ลาดยาง เรียบรื่น อย่างปัจจุบันเป็นแน่ ... ความยาก ลำบาก กันดาร คงยากจะเทียบกัน

     ณ กาลครั้งที่พระองเสด็จ ระยะทางใกล้กว่านี้กระนั้นหรือ ... จะเป็นไปได้ไง ... ระยะทาง ก็เท่าเดิมนั่นแหละ แต่หนทางที่ พระองค์เสด็จไปในสมัยนั้น ต่างกับสมัยปัจจุบันอย่างแน่นอน ... ระยะทางเท่ากัน แต่อุปสรรค์ ความยาก ง่าย ในการสัญจรต่างกัน หากให้เลือก ... ?

          แล้วคุณเธอ บ่นทำไม นะ ?

     ส่วนตะกอน แห่งความเพลิดเพลิน ส่วนหนึ่งได้เล่าไปแล้ว ในตอนก่อน ... ในตอนนี้ คิดซะว่าเป็นส่วนของการเก็บตกก็แล้วกันนะครับ

     หลังจากรถบริการนำชม วนมาบรรจบที่เดิม เราลงจากรถ ... ข้าพเจ้า พร้อมผู้เข้าชมโครงการบางท่าน เดินไปยังห้องสุขา ... ขณะเดินไปนั้น ข้าพเจ้าเห็นอาคารรูปลักษณ์ – สี ล่อใจ ... หมายตาไว้ก่อน ... หลังเสร็จกิจระบายทุกข์ ... เดินไปดู ... ใช่ครับ เห็นแล้ว แต่อยากรู้น่ะ

 

อ๋อ .... ปั้มน้ำมันนี่เอง

 

 

     ปั้มนำมันแห่งนี้ นอกจากสีสัน รูปลักษณ์ จะแปลกตาแล้ว ยังสร้างอารมณ์ “ทึ่ง” แก่ข้าพเจ้า  อีกโสดหนึ่ง ด้วยว่า เป็นปั้มให้บริการสำหรับรถที่ใช้อยู่ในโครงการเท่านั้น เพราะมีให้บริการเฉพาะ

     น้ำมัน “ไบโอดีเซล” ที่ผลิตขึ้นโดยหน่วยผลิตน้ำมันทดแทน ที่นำมาให้ดูในตอนก่อนนั่นแหละครับ

     หลังบำบัดอารมณ์อยากรู้ อยากเห็น ด้วยปั้มน้ำมันที่ว่าแล้ว ... ข้าพเจ้าย้อนกลับไปรวมกับสมาชิกครอบครัว เพื่อเตรียมเข้าไปเก็บภาพไว้เตือนความทรงจำว่า ... ‘ครั้งหนึ่งเราเคยมาตามรอยพ่อ’ ที่นี่

ก็บนบริเวณนี้แหละครับ ... 

 

จะเห็นว่าคลาคล่ำไปด้วยผู้มาเยี่ยมชม ที่เข้าไปเห็บภาพไว้เช่นกัน

     ฉาก ... ไม่ต้องจัด ด้วยว่ามีอยู่แล้ว ... ก็สัญลักษณ์ ของโครงการ นั่นแหละครับ ให้อารมณ์ได้ถึง ๆ กว่าคำอธิบายใด ๆ จึงต้องรอ Queue กันหน่อย

ตรงนี้ ... ไงครับ ... แม้องค์ประกอบฉาก จะดูเหี่ยว ๆ ...

แต่ ที่เห็นบนตาชั่ง น่ะ ... หัวมันเทศ สด ๆ นะครับ ขอบอก

 

     กลัวท่านผู้อ่านจะไม่เชื่อ ว่า ไปกันเป็นคณะครอบครัว

จึงเรียกลูกมา ยืน ข้าง ๆ เป็นการ ‘ยืน ยัน’ ... จะได้ไม่ล้ม

     หลังเก็บถ่ายภาพไว้เตือนความทรงจำแล้ว ... ก็แวะไปร้าน โกลเด้น เพลส ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และผลผลิต จากโครงการหลวงเป็นหลัก ... ข้าพเจ้าเลือกซื้อเมล็ดพันธุ์ สอง – สาม อย่าง หวังนำไปปลูก ... แล้ว

ออกมาขึ้นรถบริการ ... กลับสู่ลานจอดรถ

 

     ออกจากโครงการ แล้ว การเดินทางเป็นไปตามที่กำหนดไว้ ... กลับจากแกงกระจานก็ตกค่ำแล้ว ... เข้าทีพักที่จองไว้ ... หลังอาบน้ำ และอาหารค่ำ ... ก่อนนอน

     กำหนดอารมณ์รู้ เป็นวัตร ... พอควรแก่เวลา ... ล้มตัวนอน ... ยกเอาพระราชดำรัส ซึ่งพิมพ์เป็น Vinyl Banners ที่เห็นติดตั้งอยู่ในบริเวณโครงการ ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายภาพ ที่ข้าพเจ้าถ่ายเก็บมาไว้ ขึ้นมาคำนึง ...

ค้นหา สิ่งที่น่าจะน้อมนำ มากำหนดบทบาทสู่การปฏิบัติของตนเอง

 

ความเห็น

ตื่นเต้น มีความสุขได้เดินตามรอยเท้าพ่อSmile

“นานุวัฒน์ ทำเกษตรให้สนุกและมีความสุข”

ถ้าคิดถึง ความลำบาก ในหลวงท่าน คงลำบากมาก กว่าโครงการ ช่างหัวมัน เป็นรูปเป็นร่าง...ดีแล้วค่ะ คุณลุง (ตะกอนอารมณ์หญิงนางนั้น) คงถูกบังคับให้มา(คุณลุงมองหญิงสาวตรงหน้า ที่สวมแว่นดำดีกว่า)สบายใจกว่าเยอะ...ตะกอนได้ถูกขุดคุ้ยขึ้นมาแล้ว ...เป็นธรรมดาค่ะ คนเรามีลืมกันได้...ขอบพระคุณมากๆ นะคะ สำหรับเรื่องราวดีๆ

แวะมาเดินตามรอยเท้าพ่อกะลุงด้วยคน ปั้มน้ำมันทาสีคล้ายกับสถานีรถไฟที่หัวหินเลยค่ะ

ใครอ๊ะ... ทำให้ลุงเอามาเขียนได้ถึงพั่นนี้

..โอกาสไม่ได้มีทุกวัน..