โจ๊กใสถั่วขาวเพาะงอกโรยงาคั่ว
โจ๊กใสถั่วขาวเพาะงอกโรยงาคั่ว
วานนี้แช่ถั่วขาวและเพาะงอกไว้พอเห็นตุ่มรากปรากฏ
ใส่โถปั่นโดยให้มีน้ำผสมลงไปสักสองถึงสามเท่าของถั่วขาว
จากนั้นกรองแยกกากถั่วออก
(หากต้องการเป็นโจ๊กข้นไม่ต้องแยกกาก)
นำน้ำถั่วขาวตั้งไฟอ่อนๆ ต้มและคอยคนอย่าให้ติดก้นหม้อ จนสุก
เติมน้ำให้ได้ตามความข้นมากน้อยแล้วแต่ชอบ
ปรุงรสหวานเล็กน้อยด้วยน้ำตาลอ้อยหรือน้ำตาลทรายแดง
...ยกลงจากเตา...
ตักใส่ถ้วย
แล้วโรยด้วยงาขาวคั่วหอม
รับประทานขณะยังอุ่นๆ
รสดีค่ะ ลองทำดูนะคะ
หมายเหตุ
ประโยชน์ถั่วขาว ...
นักธรรมชาติบำบัดบางท่านให้ความว่าบำรุงอวัยวะของร่างกายที่มีสีขาว เนื่องจากถั่วสีขาวจะดูดซับธาตุอาหารจากในดินที่เป็นธาตุอาหารเฉพาะ ในขณะที่อวัยวะในร่างกายมนุษย์เกิดเป็นสีต่างๆได้ก็ด้วยธาตุอาหารที่มีสะสมในอวัยวะนั้นๆ โดยตรรกะจึงมีแนวคิดและความเชื่อว่าอวัยวะร่างกายมีสีใดก็ควรได้รับการบำรุงด้วยอาหารสีนั้นๆด้วย
(โปรดสังเกต ข้อความนี้เป็นความเชื่อเฉพาะบุคคล)
และขอขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ :- www.vcharkarn.com/varticle/39058
ระบุข้อมูลเพิ่มเติมของถั่วขาวไว้ว่า
ถั่วขาว (White Kidney Beans) จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับถั่วเหลือง ถั่วปากอ้า ถั่วแขก และถั่วพู ลักษณะเป็นฝักที่มีเมล็ดคล้ายรูปไต พบมากในเขตน้ำกร่อย ขึ้นได้ดีในดินเลนค่อนข้างแข็ง ออกดอกและผลเกือบตลอดทั้งปี เมื่อนำถั่วขาวมาสกัด จะได้สารสำคัญชื่อ “ฟาซิโอลามิน” (Phaseolamin) ที่สามารถยับยั้งการทำงานของเอนไซม์อะไมเลส (Amylase) ซึ่งทำหน้าที่ย่อยคาร์โบไฮเดรต ทำให้อาหารประเภทแป้งที่เราบริโภคเข้าไปไม่เปลี่ยนสภาพเป็นน้ำตาลทั้งหมด โดยสารสารฟาซิโอลามีนในถั่วขาวนี้ มีฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการย่อยแป้งเป็นน้ำตาลถึง 66% แล้วขับถ่ายเป็นแป้งออกไปทั้งหมด ที่เหลืออีก 34% นั้นเอ็นไซม์จะย่อยน้ำตาลอย่างอิสระเช่นเดิม แป้งที่เราบริโภคเข้าไปจึงไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายทั้งหมด การสะสมของไขมันที่เกิดจากการเปลี่ยนรูปของน้ำตาลจึงลดลงด้วย เมื่อร่างกายได้รับพลังงานลดลง จึงดึงเอาไขมันเก่าที่สะสมไว้มาเผาผลาญ ทำให้ไขมันในร่างกายลดลงด้วย
วิธีนี้เป็นวิธีลดน้ำหนักส่วนเกินที่ปลอดภัยและเป็นธรรมชาติ ไม่อดอาหาร และไม่มีผลกระทบกับสารอาหารชนิดอื่น ๆ ในร่างกาย และแป้งที่ไม่ถูกย่อยยังจะทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น จึงย่อยลดความอยากอาหารไปด้วยในตัว ซึ่งแป้งเหล่านี้จะถูกขับถ่ายออกจากร่างกายตามกลไกปกติ
ประโยชน์ของสารสกัดจากถั่วขาวในปริมาณ 500 มิลลิกรัมต่อวัน จึงมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก ควบคุมและดูแลไม่ให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น และยังช่วยควบคุมสมดุลของระดับน้ำตาลในเลือด ลดระดับไตรกรีเซอไรด์ในร่างกายอีกด้วย แต่ทางเลือกที่ดีที่สุดคือ การจำกัดปริมาณแป้งและน้ำตาลที่บริโภคให้น้อยลง หรือหันมาเปลี่ยนพฤติกรรมบริโภคอาหารจากธรรมชาติ เช่น ข้าวซ้อมมือ ซึ่งจะมีใยอาหารช่วยชะลอการย่อยและดูดซึมน้ำตาล และหนีคอมพิวเตอร์ไปออกกำลังกายบ่อย ๆ แล้วไขมันจะไม่มาเยือน แถมสุขภาพยังดีขึ้นอีกด้วย
ขอขอบคุณข้อมูล จากนิตยสาร Nestle
และขอขอบคุณคุณไพโรจน์ อรรคสีวร ผู้ให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องอาหารจากเมล็ดพืชแก่ผู้เขียนบันทึกนี้
- บล็อกของ สายพิน
- อ่าน 14650 ครั้ง
ความเห็น
สายพิน
12 พฤศจิกายน, 2010 - 16:15
Permalink
น่าสนใจ
เป็นอีกความคิดหนึ่งเลยค่ะ ที่คิดไม่ถึง
Tui
12 พฤศจิกายน, 2010 - 08:41
Permalink
น้า ช่างทำ น้า ทานกาก
น้า ช่างทำ น้า ทานกาก เข้าไปด้วยเถอะ เหมือนนมถั่วเหลือง เลย น่าทาน เดี๋ยวลองทำ เป็นการบ้านส่งน้า นะ น้า น้ำตาลไม่ว่า ขาว แดง ให้คุณค่าทางอาหารเหมือนกัน อย่าไปหวัง วิตามิน B และสารอื่นเลยน้า ไม่คุ้ม น้ำตาลที่เรากิน น้ำผึง เถอะน้า แทนน้ำตาล น้ำผึ้งให้ความหวานกว่าน้ำตาลดังนั้น จึงไม่ต้องใช้เยอะ และคุณประโยชน์มาก แต่มีกลิ่นเฉพาะบางคนอาจไม่ชอบ และ น้ำผึงดูดซึมง่าย และย่อยสลายายช้า Low G.I. อิ่มนานเลยน้า อ่านมาหลายที่นะครับ เรื่อง น้ำตาลขาว กับแดง นี่ ให้คุณค่าไม่ต่างกันมาก ลองน้ำผึงนะน้า ทำอาหาร ใส่ชา เพลินเลย
สายพิน
12 พฤศจิกายน, 2010 - 16:13
Permalink
ตุ้ย...ขอบคุณมากนะคะ
ตุ้ย ...น้าทำบ้างน่ะค่ะ ไม่ถึงกับช่างทำ ...ส่วนใหญ่เวลาทำใส่กากถั่วด้วยค่ะ แต่รอบนี้ทำแบบโจ๊กใส เลยแยกกากไว้
ดีจัง สมช.Tui ทำโจ๊กถั่วส่งเป็นการบ้าน อยากบอกว่าแช่ถั่วก่อนสักวันนะคะ โดยเช้าแช่ถั่วขาวไว้สักสองกำมือ พอเย็นจะเข้านอนก็รินน้ำออก ล้างอีกทีแล้วปล่อยให้ถั่วอยู่ในความมืด ถั่วก็จะถูกปลุกให้ตื่น เอ็นไซม์เมล็ดถั่วจะเริ่มทำงาน วันรุ่งขึ้นพอมีตุ่มรากงอกก็เริ่มปรุงตามวิธีการได้เลย
เรื่องน้ำตาลถ้าไม่ติดรสหวานจะไม่ใส่ก็ดีนะคะ ถ้าปรับสูตรเป็นน้ำผึ้งก็น่าสนใจ แต่ว่าบังเอิญอ่านเจอในหนังสือ(หนังสือชื่อคารวะบรรพบุรุษเล่มเจ็ด) ระบุว่าน้ำผึ้งมีโปแตสเซี่ยมสูง
เมื่อกินเข้าไปก็จะดูดซึมทันที มีผลทำให้เลือดจากด่างกลายเป็นกรดอย่างรวดเร็ว ทางแพทย์จีนใช้ในการปั้นเม็ดยาเพราะมีลักษณะเหลวเหมือนกาว แต่ก็จะใช้น้อยมาก
ต้องขอบคุณตุ้ยมากๆที่เสนอแนะมาด้วยความห่วงใย มีอะไรที่เป็นข้อมูลดีๆตุ้ยบอกนะ จะได้เป็นข้อมูลเลกเปลี่ยนกันและเป็นตัวเลือกให้ได้สิ่งดีๆมาใช้เป็นประโยชน์ ขอบคุณมากอีกครั้งนะคะ
นู๋เล็ก
12 พฤศจิกายน, 2010 - 08:43
Permalink
ไม่เคยทาน
ไม่เคยทานเดี่ยวลองทำดูบ้างค่ะ
สายพิน
12 พฤศจิกายน, 2010 - 15:36
Permalink
ลองทำ
ดีเลยค่ะ คุณนู๋เล็ก เมื่อไรบอกกันบ้างนะคะ จะขอตามไปช่วย(ชิม)ด้วย
paloo
12 พฤศจิกายน, 2010 - 08:49
Permalink
ขอบคุณครับ
ขอบคุณ.... ที่นำเสนออาหารที่ให้ประโยชน์
สายพิน
12 พฤศจิกายน, 2010 - 15:35
Permalink
คุณ paloo
ด้วยความยินดีค่ะ ขอบคุณนะคะ ที่แวะมาให้กำลังใจกัน
ยายอิ๊ด
12 พฤศจิกายน, 2010 - 10:18
Permalink
ขอบคุณค่ะ
ต้องขอลอกเลยนะคะ
#แตกต่าง.แต่.ไม่แตกแยก#
สายพิน
12 พฤศจิกายน, 2010 - 15:33
Permalink
คุณ ยายอิ๊ด
ด้วยความยินดีเลยค่ะ แล้วลองทำบ้างนะคะ รสดีน่ะค่ะ ประทับใจแน่เชียว
KASETMCOT
12 พฤศจิกายน, 2010 - 10:20
Permalink
เข้ามาชม
เข้ามาชมครับต้องลองไปทำกินบ้างแล้วล่ะ
หน้า