บล็อก

ปลูกผักเหมียงในสวนยางกันเถอะ

หมวดหมู่ของบล็อก: 

จากที่ผมได้นำเสนอ เรื่องการทำสวนยางให้เป็นป่ายาง เพื่อให้มีพืขผักที่สามารถเป็นอาหารได้นั้น ผมไม่ได้เพียงแต่เสนอแนวคิด แต่ผมได้ลงมือทำแล้วครับ สวนยางผม รอบๆ สวนยาง มีมะฮอกกานี  เนียง สะเดาช้าง กฤษณา ในสวนยางมีตะไคร้ ข่า โชน และอื่นๆอีกพอสมควร แต่ที่จะนำเสนอวันนี้คือผักเหมียงครับ ที่บ้านมีผักเหมียงอยู่หลังบ้านอยู่แล้ว ผักเหมียงต้นเล็กงอกขึ้นมาเยอะแยะ ผมก็ย้ายมาปลูกในสวนยาง แต่เดี๋ยวครับมารู้จักผักเหมียงกันก่อน  ที่ http://natres.psu.ac.th/ProjectSite/webpage/8puk_meang-detail.htm

ขุดผักเหมียงต้นเล็กๆ ออกมา

ทำสวนยางให้เป็นป่ายาง ยางราคาลงก็ไม่ง้อ

หมวดหมู่ของบล็อก: 

สมัยที่ผมยังเป็นเด็กยังจำได้ว่าสวนยางข้างบ้านซึ่งเป็นของเพื่อนบ้านเป็นยางพันธ์พื้นเมืองต้นใหญ่มาก บางต้นขนาดเท่าหนึ่งคนโอบ และมีความเป็นป่าที่รกมาก นั่นคือจะไม่สามารถมองเห็นต้นยางอีกแถวหนึ่งได้ เพราะรกมาก จะเดินผ่านสวนยางนี้แต่ละครั้งก็น่ากลัวอยู่ซึ่งน่าจะเรียกว่าป่ายางมากกว่า สมัยนั้นจำได้ว่าถ้าพ่อและแม่กลับจากกรีดยางก็จะมีของกินมาให้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ป่า หรือจะเป็นพวกเห็นแครง เห็ดจูน นี่คือป่ายางในสมัยนั้น

เมื่อถึงยุคของกองทุนสวนยาง ใครที่ขอทุนจากกองทุนสวนยางเพื่อปลูกยางพันธุ์ดี ต้องทำตามกฏของกองทุนไม่เช่นนั้นจะไม่ได้เงิน ต้องทำป่ายางให้โล่งเตียน ไม้ใหญ่ซักต้นก็ไม่ให้เหลือ  ขุดหลุมขนาดเท่านี้เท่านั้น ปลูกอย่างนี้อย่างนั้น ที่สำคัญกองทุนสวนยาง จ่ายปุ๋ยเคมีให้กับเกษตรกร จากป่ายางก็กลายเป็นสวนยาง ในสวนยางไม่มีอะไรที่จะกินได้เลย

ทำไมนำเสนออาจารย์วิวัฒน์ ในเวบนี้?

หมวดหมู่ของบล็อก: 

หลายคนอาจสงสัยหรือไม่ส่งสัยก็แล้วแต่นะครับ ที่ผมเขียนถึงอ.วิวัฒน์ เพราะผมรู้จัก อ.วิวัฒน์ และมีข้อมูลของ อาจารย์อยู่พอสมควร ส่วนท่านอื่นที่มีความสามารถทางเศรษฐกิจพอเพียงคิดว่าคงมีอีกหลายคน แต่ผมยังไม่รู้จักและไม่มีข้อมูล

ตอนที่ผมกลับมาอยู่บ้านใหม่ที่ตั้งใจมาเป็นเกษตรกร นึกถึงตอนนั้นมันมืดแปดด้านเลยครับ ถึงแม้ว่าผมจะเรียนเกษตรมาสมัยเรียนมัธผยม แต่นี่ชีวิตจริง จับต้นชนปลายไม่ถูก

เศรษฐกิจพอเพียง จากปากอาจารย์วิวัฒน์

หมวดหมู่ของบล็อก: 

เรื่องนี้เรียกว่าเป็นการถอดเทปก็คงไม่ถูกนัก ผมถอดมาจากคลิปวิดีโอ ที่อาจารย์วิวัฒน์พูดถึงเศรษฐกิจพอเพียงที่ได้นำมาใช้ที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ มาบเอื้อง

ที่เราทำที่นี่ก็ได้ความคิดจากพระองค์ท่านมาทั้งหมดเรียกว่า 100% เลย เป้าหมายคือเศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกิจพอเพียงคนเข้าใจว่าไม่ใช้เงิน ที่จริงมันใช้เงิน พระเจ้าอยู่หัวท่านบอกว่า ครึ่งนึงเป็นเศรษฐกิจการค้า คือพึ่งเงิน พึ่งการค้า อีกครึ่งนึงพึ่งเป็นตนเอง แม้ไม่ถึงครึ่งก็ไม่ว่า หนึ่งในสี่พึ่งตนเอง  อีกสามในสี่พึ่งการค้า พึ่งเงิน

ทำความรู้จัก อ. วิวัฒน์ ศัลยกำธร (3)

หมวดหมู่ของบล็อก: 

ผมนำเสนอเรื่องของอาจารย์วิวัฒน์เรื่องนี้คงทำให้หลายคนรู้จักอาจารย์วิวัฒน์มากขึ้น ผมดาวน์โหลดเรื่องนี้มาจากเวบไหน ผมจำไม่ได้ ต้องขออภัยเจ้าของเวบด้วยครับ  แต่โชคดีที่ในบทความนี้มีชื่อผู้เขียนอยู่ด้วย

คนธรรมดาที่ไม่ธรรมดา

วิวัฒน์  ศัลยกำธร
“เขาไม่ได้เพี้ยน?”

โดย ....พรเทพ สิงห์ธวัช : 1/8/46

ทำความรู้จัก อ. วิวัฒน์ ศัลยกำธร (2)

หมวดหมู่ของบล็อก: 

สมัยที่ อ.วิวัฒน์ เป็นผู้อำนวยการกองประเมินผลและข้อมูล ในสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากประราชดำริ  เมื่ออาจารย์ยักษ์ไปสอนชาวบ้านเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง  แล้วโดนชาวบ้านท้าอย่างไร ที่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้อาจารย์ยักษ์ลาออกจากราชการ เป็นคำพูดส่วนหนึ่งของอาจารย์ยักษ์ในรายการทีวี

"ที่เจ็บปวดอีกอันคือชาวบ้านท้า เอ้ย คุณเป็น ผอ. คุณพูดยังไงก็ได้ มีเงินเดือนกิน มีรถหลวง น้ำมันหลวง มีจิปาถะ  แน่จริงออกมาซิ ออกมาทำอย่างนี้ซิ แล้วทำ ทำเกษตรธรรมชาติ  อย่าใส่ปุ่ยอย่าฉีดยานะ แล้วมาปลูกป่าอะไร มาทำซิ ถ้าได้ผลแล้วค่อยมาคุยกันใหม่"

ทำความรู้จัก อ.วิวัฒน์ ศัลยกำธร (1)

หมวดหมู่ของบล็อก: 

ถ้าพูดถึงเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงแล้ว ไม่พูดถึง อาจารย์วิวัฒน์ ศัลยกำธร หรือที่ใครๆเรียกกันว่า อาจารย์ยักษ์ ก็เท่ากับว่ายังไม่รู้จักเศรษฐกิจพอเพียงดีพอ
อาจารย์ยักษ์ รับราชการติดตามในหลวงอยู่ดีๆ ทำไมถึงลาออกมาเป็นชาวนา ติดตามได้จากคำพูดของอาจารย์ยักษ์

"ผมรับราชการเติบโตจนไปเป็นผู้อำนวยการกองประเมินผลและข้อมูล ในสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากประราชดำริ แรกๆก็ พระองค์ท่านก็ให้ทำหน้าที่จดบันทึกพระราชดำริแล้วก็เอาพระราชดำริที่บันทึกไว้แล้วประมวลเป็นเล่ม ถวายพระองค์ท่านพอท่านตรวจสอบแล้วว่าใช่ เราก็เอาเรื่องนี้มาทำแผน มาเขียนแผนร่วมกับหน่วยงานที่ท่านรับสั่งด้วย

ความสุขที่ถูกมองข้าม

หมวดหมู่ของบล็อก: 

คุณเป็นคนหนึ่งหรือไม่ที่เชื่อ ว่า ยิ่งมีเงินทองมากเท่าไร ก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น ความเชื่อดังกล่าวดูเผิน ๆ ก็น่าจะถูกต้องโดยไม่ต้องเสียเวลาพิสูจน์ แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ประเทศไทยน่าจะมีคนป่วยด้วยโรคจิตน้อยลง มิใช่เพิ่มมากขึ้น ทั้ง ๆ ที่รายได้ของคนไทยสูงขึ้นทุกปี ในทำนองเดียวกันผู้จัดการก็น่าจะมีความสุขมากกว่าพนักงานระดับล่าง ๆ เนื่องจากมีเงินเดือนมากกว่า แต่ความจริงก็ไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป

ไม่นานมานี้มหาเศรษฐีคนหนึ่งของไทยได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ว่า เขารู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิต เขาพูดถึงตัวเองว่า “ชีวิต(ของผม)เริ่มหมดค่าทางธุรกิจ” ลึกลงไปกว่านั้นเขายังรู้สึกว่าตัวเองไม่มีความหมาย เขาเคยพูดว่า “ผมจะมีความหมายอะไร ก็เป็นแค่….มหาเศรษฐีหมื่นล้านคนหนึ่ง” เมื่อเงินหมื่นล้านไม่ทำให้มีความสุข เขาจึงอยู่เฉยไม่ได้ ในที่สุดวิ่งเต้นจนได้เป็นรัฐมนตรี ขณะที่เศรษฐีหมื่นล้านคนอื่น ๆ ยังคงมุ่งหน้าหาเงินต่อไป ด้วยความหวังว่าถ้าเป็นเศรษฐีแสนล้านจะมีความสุขมากกว่านี้ คำถามก็คือ เขาจะมีความสุขเพิ่มขึ้นจริงหรือ ?

หน้า



Subscribe to RSS - บล็อก