หมู่บ้านอยู่เย็น เป็นสุข

หมวดหมู่ของบล็อก: 

             ปีนี้ต้องทำงานใหญ่ ชิ้นสำคัญมาก จะทำได้หรือไม่ อย่างไร ยังหาคำตอบตอนนี้ไม่ได้เลย....

การบ้านชิ้นใหญ่...ให้ทำหมู่บ้าน ๆ หนึ่ง ให้"อยู่เย็น เป็นสุข" ไม่ใช่ "อยู่ร้อน นอนทุกข์" เป็นต้นแบบให้กับหมู่บ้านอื่น ๆ ต้องทำในขณะที่ ต้องทำเรื่องอื่น ๆ อีก 108 ประการ จะไหวเร๊อะ...คิดมันง่าย แต่จะทำได้หรือไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัย หลายประการเหลือเกิน ต้องใช้เวลาและความต่อเนื่อง ไม่ใช่ทำตามกระแสเหมือนในอดีตที่ผ่านมา...นี่แหละค่ะ...ท่าน สมช.ทั้งหลาย ระบบราชการ มันเป็นแบบนี้เอง...(บ่น...แต่ก็ทำค่ะ เท่าที่คนตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง จะทำได้)

หลังจากคัดครัวเรือนต้นแบบได้แล้ว 30 ครัวเรือน ปูพื้นด้วยแนวคิด ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงแล้ว 1 วัน ก็เดินทางไปศึกษาจากแหล่งเรียนรู้ต้นแบบภายในจังหวัด วันแรกไปที่ "วัดป่ายาง"จ.นครศรี ฯ

เรียนรู้การทำไบโอดีเซลจากน้ำมันพืชใช้แล้ว

ฐานการเรียนรู้...คนเอาถ่าน รอบแรกเรียนรู้คร่าว ๆ ถึงขึ้นตอนการเผา การใช้ประโยชน์จากถ่าน(มากกว่าการเอาไปเป็นเชื้อเพลิงหุงต้ม)

เรียนรู้วิธีการ/ขั้นตอน การผลิตแก๊สใช้เองในครัวเรือน จากเศษวัสดุเหลือใช้

เรียนรู้...แลกเปลี่ยนความเห็นกับพ่อท่านวรรณ ท่านน่ารัก เป็นกันเองและเข้าใจในปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอย่างลึกซึ้ง ทำให้ทราบว่าที่นี่...เป็นมากกว่าแหล่งเรียนรู้ธรรมดาๆ เหมือนที่เคยเข้าใจ อยากเข้ามาร่วมงานกับท่านมาก หากมีโอกาส

ทุกคนตั้งใจฟัง...ท่านก็ฟังพวกเราเช่นกัน อย่างเหตุผลที่เลิกทำนา...ท่านพร้อมที่จะเข้าใจพวกเรา เหมือนเป็นการปรับทุกข์ซึ่งกันและกัน ท่านเสนอตัวที่จะเดินทางไปช่วยเหลือ เพื่อจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์/กองทุนสวัสวัสดิการ ในหมู่บ้านด้วย ท่านเป็นพระนักพัฒนาจริง ๆ เหมือนยุคที่พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์ปฏิบัติ (ส่วนใหญ่จะพัฒนาแหล่งน้ำ,สะพาน สิ่งที่จำเป็นในยุคนั้น)

เดินชมบริเวณวัด บ้านพักรับรอง มีต้นจำปาป่าอยู่ทั่วไป มีพืชผัก สมุนไพร อาหารเที่ยงก็ปรุงจากวัตถุดิบที่มีอยู่บริเวณวัดเกือบทุกอย่าง รวมทั้งข้าวกล้องด้วย

ก่อนออกจากวัดก็ไม่ลืมที่จะแวะอุดหนุนสินค้าที่ร้านของวัด และเดินทางต่อไปดูงานอีก 4 จุด มีทั้งการเลี้ยงด้วงสาคู หมูหลุม ผึ้งโพรง และการบำบัดน้ำเสียจากการผลิตยางแผ่นโดยการนำไปหมักผลิตแก๊สหุงต้มในครัวเรือน...ถ้ามีโอกาสจะลงภาพให้ดูกันต่อนะคะ...โชคดี มีความสุขทุกท่านค่ะ

ความเห็น

ตอบแบบพี่หยอย ให้ชาวบ้านมี"อิสระจากความเป็นการเมือง และระบบราชการ"ในการคิดการทำ ก้าวข้ามการขอ ไปสู่การพึ่งตนเอง พึ่งกันเองอย่างแท้จริง จะเห็น "หนทาง"อยู่เย็น เป็นสุข

เบื่อทั้งการเมืองและราชการ

ทุกวันนี้ใครถามก็ยังบอกว่า

"ยังอยากเป็นครู มีความสุขที่เป็นครู แต่ไม่อยากเป็นข้าราชการ"

 

 

 

 


ตอนเป็นเด็ก....มีแรง มีเวลา แต่ไม่มีเงิน กลางคน.....มีเงิน มีแรง แต่ไม่มีเวลา ปั้นปลาย.....มีเงิน มีเวลา แต่ไม่มีแรง

หัวอกเดียวกัน อยากทำงานเป็นเพื่อนร่วมงานกับผู้นำชุมชน แบบเต็มรูปแบบ แต่ระบบราชการครอบเราอยู่ จนไม่สามารถทำในสิ่งที่ควรทำได้มากพอ

ทุกวันนี้ ถูกการเมืองครอบพรกไว้หมดแล้ว น่าเห็นใจจริง ๆ โหมเรา

เคยไปเก็บข้าวข้างวัดสมัยที่เรียน ว.ค. นคร

แม่เพื่อนมีนาติดกับวัดป่ายางนี่แหละ

ตอนเป็นเด็ก....มีแรง มีเวลา แต่ไม่มีเงิน กลางคน.....มีเงิน มีแรง แต่ไม่มีเวลา ปั้นปลาย.....มีเงิน มีเวลา แต่ไม่มีแรง

น้องสรไหนๆกะเปิดประเด็นแล้ว พี่หยอยไม่อ้อมค้อม ชีวิตพี่หยอยค่อยๆทำงานกับชาวบ้านและฝึกใจตนเองตามความถูกต้อง ตามความเป็นจริง ในทิศทางการพึ่งมือ ตีน และหัวใจตัวเองเป็นหลัก และยึดหลักธรรมเป็นฐาน

สุดท้ายแล้ว ทุกชีวิต ที่เคยเหลิงอำนาจ ก็รู้ซึ้ง ว่าที่ผ่านมาหัวโขนทั้งเพ

การพึ่งตนเองเท่านั้นครับ ที่จะสามารถหลุดพ้นจากระบบต่างๆที่มากำหนดเราได้ ก็เป็นหน้าที่ของคุณ สรแหละครับ ที่จะชี้หนทางและแนะนำให้กับประชาชนเข้าใจในหลักการเพื่อนำพาชีวิตไปสู่ความเข้มแข็งอันเป็นผลพวงจากการพึ่งตนเองของชุมชนและครอบครัว

 

ชีวิตที่เพียงพอ ย่อมมาจากชีวิตที่พอเพียง

บางครั้งสิ่งที่เตรียมไว้ล่วงหน้า กลับเอาไปใช้ไม่ได้ ต้องปรับแผนไปเรื่อย ๆ ทำงานกับชาวบ้าน ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อาศัยความเข้าอกเข้าใจกัน จึงทำงานร่วมกันได้ต่อไป

:admire:

 

ชีวิตที่เพียงพอ ย่อมมาจากชีวิตที่พอเพียง

หน้า