บ้านนี้ บ้านไหน บ้านใคร ?

หมวดหมู่ของบล็อก: 

......บางครั้งการเริ่มต้นที่เรียบง่ายก็ลงท้ายด้วยความโดดเด่นที่มีเอกลักษณ์และยากที่จะลืมเลือน......


สามเดือนที่ผ่านมาฉันได้แต่สอดส่ายสายตามองหาแบบบ้านทั้งจากในหนังสือ และทั้งจากที่เห็นเขาปลูกสร้างจริงๆ  แล้วเอามาผสมผสานรวมเข้าไว้ในจินตนาการว่า บ้านในฝันของฉันจะออกมาในรูปแบบใด


แต่ยิ่งดูมากยิ่งอ่านมากยิ่งเยอะค่ะ   และเมื่อยิ่งเยอะฉันก็ยิ่งงงจนจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าแบบบ้านอย่างไหนกันแน่ที่ฉันต้องการ    


เมื่อรวมรวมสติกลับมาได้แล้ว  ฉันก็ได้ข้อมูลดิบที่เก็บเล็กผสมน้อยมาจากที่ต่างๆกันพอจับหลักสำคัญๆได้ว่า    ถิ่นที่ฉันถือกำเนิดเกิดมานี้มีสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้นที่ตั้งอยู่แถบเส้นศูนย์สูตรของโลก ปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการสร้างบ้านเรือนของคนเราก็คือสภาพภูมิอากาศ     คนไทยสมัยก่อนมักใช้ไม้ในการปลูกสร้างบ้านเรือน   เพราะเป็นวัสดุธรรมชาติที่หาง่ายใกล้ๆตัวและไม่สะสมความร้อนด้วยค่ะ    คนโบราณใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการจัดสรรวางผังที่เรียบง่ายและตอบสนองการใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันให้สูงสุด  มีส่วนที่ปิดบังแดดและส่วนที่เปิดรับลมได้อย่างเหมาะสม  จึงเกิดความสะดวกสบายแก่ผู้พักอาศัย


รูปแบบบ้านในปัจจุบันได้รับอิทธิพลจากตะวันตกมากขึ้นค่ะ   ทั้งการจัดตำแหน่งหน้าที่ใช้สอย  วัสดุก่อสร้าง ตลอดจนรูปแบบของอาคารบ้านเรือนที่ดูเปลี่ยนไป  แต่ที่สิ่งหนึ่งที่ยังเหมือนเดิมคือสภาพภูมิอากาศที่ร้อนอบอ้าวและมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ฉันจึงมองย้อนกลับไปดูว่าคนสมัยโบราณเขามีวิธีระบายความร้อนกันอย่างไร   และก็พบว่าการปลูกต้นไม้และสร้างบ้านรูปทรงไทยนี่เอง คือสิ่งที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและวิถีชีวิตของคนไทยมากที่สุดค่ะ     


ปัจจัยที่กำหนดลักษณะสถาปัตยกรรมคือ สภาพแวดล้อม สภาพสังคม และสภาพวัฒนธรรม แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือสภาพภูมิอากาศค่ะ   ประเทศที่ตั้งอยู่ในแนวเส้นศูนย์สูตรอย่างประเทศไทยเราจะมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 22-24 องศาเซลเซียส   แต่ในเดือนเมษายนที่ดวงอาทิตย์ตั้งฉากกับประเทศไทย อุณหภูมิอาจจะสูงถึง 40 องศาเลยทีเดียว  ในภาวะที่อากาศร้อนเช่นนี้  การหลบแดดอยุ่ภายในบ้านก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกสบายเท่ากับการได้นั่งเล่นให้ลมโกรกใต้ต้นไม้ใหญ่ใช่ไหมคะ


ฉันยืนหยุดนิ่งมองบ้านในสวนทรงไทยสีเขียวอ่อนซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของวัฒนธรรมด้ามขวานหลังนั้นอยู่ครู่ใหญ่    ลักษณะบ้านใต้ถุนยกสูงคงเพื่อป้องกันน้ำหลากและยังเป็นการระบายความร้อนและความชื้นได้ดีอีกด้วย   หลังคากระเบื้องดินเผาแบบหยาบๆที่กลืนกันได้ดีกับความเขียวขจีของต้นไม้ที่ต้องแหงนคอตั้งบ่าจึงจะมองเห็นยอด  ความลงตัวของตัวบ้านและหลังคาเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ค่ะ เมื่อหญ้าแฝกกำลังจะหายไปจากวิถีไทย หลังคากระเบื้องดินเผาจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเข้ามาแทนที่เพื่อปรับให้สอดคล้องแต่คงไม่สามารถเปลี่ยนตัวตนของเจ้าของบ้านไปได้ค่ะ      


 เจ้าของบ้านหลังนี้ อาจจะต้องการหลีกลี้หนีหน้าใครบางคนมาแอบซ่อนตัวไว้ในหลืบป่าลึกแห่งนี้หรือเปล่าฉันก็ไม่อาจรู้ได้ค่ะ  แต่ด้วยความเรียบง่ายของรูปแบบที่ไม่ต้องใช้ความสามารถของสถาปนิกคนใดในโลกการวางผังเลย  ส่วนเจ้าของบ้านก็คงเป็นมัณฑนากรมือหนึ่งที่เป็นผู้จัดวางทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตนเองเพียงจุดประสงค์เพื่อง่ายและสะดวกต่อการใช้งานเท่านั้น   ทำให้ฉันตัดสินใจเดินมาเคาะประตูบ้านหลังนี้ 


ก๊อก ก๊อก ก๊อกกกกก !!!!   อาจจะเป็นเพราะความเงียบสงัดแห่งป่าทำให้เสียงสัมผัสประตูของฉันดังก้องจนเจ้าของบ้านตกใจ แต่ฉันก็ตกใจเช่นเมื่อเห็นประตูบ้านถูกเปิดออกช้าๆโดยไม่เห็นคนเปิด    ฉันนึกกลัวขึ้นมาจับจิตเพราะปกติฉันก็เป็นคนกลัวผีขึ้นสมองอยู่แล้ว   ยิ่งมาเจออะไรแบบลึกลับแถมยังซ่อนตัวอยู่ในป่าเปลี่ยวเช่นนี้อีกด้วยแล้ว  ฉันเกือบจะหันหลังวิ่งหนีกลับไปยังทางที่เข้ามาแล้วสิ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะฉันเหลือบไปสัมผัสกับแววตาอีกเป็นร้อยๆคู่ที่ส่งสายตาเต็มเปี่ยมด้วยมิตรไมตรีผ่านฉากสีเขียวขจีของสุมทุมพุ่มไม้มายังฉัน 


หลังจากนั้น บรุษไปรษณีย์ที่บ้านฉันก็มีงานเข้าทุกวัน   ฉันได้รับกล่องพัสดุบ้าง  จดหมายลงทะเบียนบ้าง ทั้งหมดถูกส่งมาจากเพื่อนๆที่ฉันได้สบตาในวันแรกที่พุ่มไม้ใกล้บ้านสีเขียวหลังนั้นค่ะ


แทบไม่น่าเชื่อว่า การบ้านที่ฉันได้รับจะมากมายจนคิดว่าถ้าฉันต้องเอามาลงดินทั้งหมดคงต้องใช้ที่สักสิบไร่ถึงจะพอเพียงพอมั้ง    ตอนนี้ฉันจะผวาทุกครั้งที่ใครพูดถึงการบ้าน เพราะฉันกลัวคุณครูจะทวงผลงานค่ะ  (ฮา)


บ้านหลังเล็กแต่น้ำใจใหญ่หลังนี้  กลายเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ฉันเข้ามาวิ่งเล่นบ่อยๆ  หลายสิ่งหลายอย่างที่ฉันสัมผัสได้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเป็นระเบียบเรียบร้อย  ความเคารพในสิทธิซึ่งกันและกัน  และการรักษาความถูกต้อง  แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือจุดยืนอันแน่วแน่ที่ทุกคนพยายามช่วยกันทำให้บ้านหลังนี้พึ่งพาตนเองได้ 


หลายครั้งฉันเห็นความเด็ดขาดของผู้คุมกฎที่นี่   ที่ตัดสินใจลงแส้โดยมิได้คำนึงถึงเรื่องส่วนบุคคล  หากมีการละเมิดเกิดขึ้นแล้วคงไม่ยากที่เราจะได้เห็นใครบางคนกลายเป็นมือกระบี่ไร้ความปรานีไปในบัดดล    แต่จริงๆแล้วคงหาได้มีใครต้องการเป็นเช่นนั้นหรอกใช่ไหมคะ   หากไม่ใช่เป็นเรื่องที่รุนแรงจนเกินไป กระบี่ก็คงไม่ต้องชักออกจากฝัก  แต่อย่าชะล่าใจไปนะคะเพราะเจ้าของกระบี่อาญาสิทธิ์จะมองดูเหตุการณ์ทุกอย่างด้วยความสุขุมและเยือกเย็น  เสมือนเสือผุ้มีศักดิ์ศรีเป็นจ้าวป่าซึ่งสามารถอยู่รวมกับสัตว์น้อยใหญ่ได้อย่างสง่างาม ....แต่เมื่อยามเสือหิว  ก็ตัวใครตัวมันนะคะ  ....!!!


เกียรติยศ หรือยิ่งใหญ่กว่าไมตรี  !!!!.....


ทัศนคตินำมาซึ่งการสืบทอดวิธีคิด ...  ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยใช่ไหมคะที่จะรวมทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน ฉันได้เจอพี่สาวใจดีที่นี่หลายคน  และแทบไม่น่าเชื่อเลยว่าจะบังเอิญขนาดนี้  สองในนั้นคือพี่สาวที่อยู่จังหวัดเดียวกับฉันนั่นเองค่ะ    พัทลุงเป็นจังหวัดเล็กๆที่มักถูกลืม   แต่ด้วยความไร้พรมแดนของโลกไซเบอร์ทำให้ฉันได้มาเจอกับคนบ้านเดียวกันซึ่งเราคงไม่มีโอกาสรู้จักกันเลยหากไม่มีบ้านหลังนี้   พี่ใหญ่ซึ่งมีอุดมการณ์ชัดเจนท่านหนึ่ง ชื่นชอบการขับหนังตะลุงยามว่างให้เป็นที่ครื้นเครงของฉันยิ่งนัก ด้วยเพราะฉันมักจะสนุกกับการแปลภาษใต้  ซึ่งหลายต่อหลายคำถูกกลบฝังจนหายไปจากความทรงจำของฉันนานแล้ว   และเมื่อฉันได้ตั้งปุจฉากับคำเหล่านั้นคราใด   ก็ไม่เป็นการยากเลยที่ฉันจะได้พบกับปราชญ์แห่งแดนใต้อีกหลายท่านมาให้การวิสัชนา


และแทบไม่น่าเชื่อว่า พี่สาวบอบบางร่างเล็กอีกคน   ประธานใหญ่แห่งบ้านกงหรา คือหญิงแกร่งและมั่นคงผู้เพียบพร้อม ที่จะเป็นแบบอย่างแห่งความพอเพียงให้กับสังคมแห่งนี้  ก็เป็นคนพัทลุงเช่นเดียวกันค่ะ


ถ้า “House”  คือบ้านที่ก่อด้วย อิฐ หิน ปูน ทราย    “Home “ ก็คือบ้านที่ใช้สายใยแห่งความรักเชื่อมความผูกพัน  บ้านสีเขียวอ่อนหลังนี้จึงเป็นทั้ง House และ Home   ที่นี่มีแต่คนปลูกต้นไม้เพื่อให้ร่มเงาและคลายความร้อนแก่ผู้ที่บังเอิญผ่านทางมาและขอแวะดื่มน้ำเย็นสักขันให้ชื่นใจก่อน แล้วค่อยเดินจากไปอาจเพราะมีจุดหมายรออยู่ข้างหน้าแล้วก็ได้        หรือใครก็ตามที่หากเดินผ่านมาแล้วเกิดติดใจหลงใหลในความเขียวชอุ่มชุ่มน้ำใจของบ้านหลังนี้  อาจจะแวะนานหน่อยก็ไม่ว่ากันค่ะ    การปลูกต้นไม้ของคนที่นี่ไม่ต้องลงทุนมากมายอะไรเลย   ขอให้มีแค่มือหนึ่งข้าง หรือสองข้างก็พอ ทุกคนก็สามารถปลูกต้นไม้ได้แล้ว  เนื่องจากเมล็ดพันธ์ถูกส่งให้ฟรีมือต่อมือจนกระจายเป็นวงกว้างไปแทบทุกพื้นที่ของประเทศไทยแล้ว 


ขึ้นต้นด้วยการสร้างบ้านแต่ลงท้ายด้วยการปลูกต้นไม้ได้อย่างไรเนี่ยะ  !!!  หรือฉันจะเห็นสัจธรรมอย่างหนึ่งว่า ทั้งมนุษย์และสัตว์เดรัจฉานต่างก็มีความจำเป็นต้องเติมธาตุสี่เหมือนๆกันแต่วิธีการต่างกัน  สัตว์จะเติมธาตุสี่แบบ Direct  คือเมื่อกระหายก็ดื่ม เมื่อหิวก็ตะปบสัตว์มาเป็นอาหารแล้วก็จบ   ส่วนมนุษย์จะเติมธาตุสี่แบบ Indirect   คือต้องประกอบอาชีพหาเงิน ต้องหว่านไถ ใส่ปุ๋ย เก็บเกี่ยว และหุงหาปรุงแต่ง  เพื่อมาเติมธาตุสี่


ด้วยความที่มันซับซ้อนและไม่ได้มาโดยตรงนี่แหละทำให้ฉันคิดว่า  ความต้องการที่มากเกินไปคือสิ่งที่ธรรมชาติกำหนดหรือเราเป็นผู้เลือก... แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้หมายความว่าฉันจะเลือกวิธีเติมธาตุสี่แบบ Direct  หรอกนะคะ   เพียงแต่ลองคิดเล่นๆว่า   ปรัชญาของผู้นำแห่งบ้านหลังนี้ ได้ถูกผสมผสานกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมที่รวมเอาธรรมชาติ  อารยธรรมและความทันสมัยเข้าไว้ด้วยกัน    จนเกิดเป็นความเรียบง่าย  ที่กลายเป็นความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจนยากจะลืมเลือน.....ไม่ทราบว่าเพื่อนๆเห็นอย่างฉันในบ้านสวนพอเพียงแห่งนี้หรือเปล่าคะ   ???


ขออนุญาติน้องต๊อก  เอาภาพนี้ลงบล๊อกเพื่อความชัดเจนด้วยนะคะ  เพื่อหลีกเลี่ยงให้ใครมาถามว่า  ''บ้านนี้   บ้านไหน"  อีกในอนาคตค่ะ



 

ความเห็น

บ้านนี้คือบ้านสวนพอเพียงของพวกเราทุกคน


เปลี่ยนชื่อเป็น หมวยเล็ก แล้วหรอ?


(อนุญาต) ต. ไม่มีสระอิ จ้า ไปฟ้องครูภาษาไทยก่อนจับได้แล้ว อิอิ

บ้านนี้ บ้านไหน บ้านใคร บ้านของเรา บ้านสวนพอเพียง


--------

twitoon[at]gmail[dot]com

ก็บ้านสวนพอเพียงไง meh: meh: meh:

  งานโซนป่าขอตัวและหัวใจไปเขียนบันทึกเวที วิถีคนควนป่าเขาบ้านเรา เลยนะจ๊ะ หมวยเล็ก จะได้ฝากไว้สักบทหนึ่งในหนังสือที่จะตีพิมพ์เผยแพร่ หมวยเล็ก เมืองเสกัก  สุขใจจริงๆ



 พี่หยอยเป็นนักย้อมสีไรท์ไปแล้ว ฮาๆๆๆๆ


 

น้องมิมีความสามารถถึงเพียงนั้นค่ะ   เท่าาที่บันทึกนี้ก็เป็นไปตามอารมณ์ค่ะ  ยังไม่สามารถเปิด ปิดได้ดังเช่นก๊อกน้ำอย่างที่ท่านปรมาจารย์ท่านเป็นกัน    บางทีก็อู้อยู่เป็นหลายๆวันกว่าจะนึกได้ว่าต้องบันทึกเรื่องอะไร   ถ้าเพ้อเจอไปเรื่อยเปื่อยก็ได้อยู่ค่ะ    แต่สาระไม่ค่อยมีค่ะพี่ :uhuhuh:


 

สว.ตาลายเลยจ๊ะ...สรุปว่ากลัว หรือไม่กลัวเสือขบกันแน่:uhuhuh::uhuhuh::uhuhuh:แววนักเขียนชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะ อีกหน่อยก็เข้าชมรม มานี มานะฯได้สบาย ๆ

แต่มาแล้วติดใจ ไม่ไปไหนเลย คิดว่าจะอยู่แบบถาวรเลยล่ะค่ะ  เพราะมีมิตรไมตรี และพี่น้องดี ตอนแรกที่ผ่านมาเพราะค้นหาเมนูอาหาร แกงคั่วหอยโข่ง แล้วมาเจอเวปนี้พอดี อ่านแล้วชวนให้ติดตามเรื่องอื่น ๆ ในเวปนี้ อยู่ที่นี่มานานพอสมควร ยังมีอะไรให้ศึกษาหาความรู้อีกเยอะเลย ก็เลยไม่อยากไปไหนค่ะ

แบ่งปัน สร้างสรรค์ พอเพียง

 

คุณหมวยเล็ก ฝีมือการเขียนใช้ได้เลยทีเดียวครับ นับถือครับ

ธาตุสี่ที่หมายถึงนี่คืออะไรครับ ดิน น้ำ ลม ไฟ ใช่มั๊ยครับ หรือคุณหมวยเล็กหมายถึงปัจจัยสี่ครับ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค และที่อยู่อาศัย หรือ อย่างอื่นครับ อ่านกำลังเคลิ้มแต่ไม่เข้าใจคำศัพท์ครับ ช่วยอธิบายนิดนึงครับ ขอบคุณมากครับ

ลุงแอ้ดค่ะ    เชิญร่วมบันทึกรื่อง ธาตุสี่  ทีบล๊อกใหม่ดีกว่าค่ะ   เนื่องจากที่ตรงนี้ยาวมากแล้ว  เท่านี้ได้ยินท่าน  สว  หลายท่านบ่นตาลายกันแล้วค่ะ   ขอนุญาตแยกไปเป็นอีกบล๊อกนะคะ   

ตั้งใจมาบ้านหลังนี้ มาศึกษาอะไรต่อมิอะไรมากมาย จนป่านนี้ก็ยังเรียนรู้ไม่จบ ไม่หมด  เยอะแยะไปด้วยความรู้ มิตรภาพ และน้ำใจ :admire2: :love:

.................

หน้า