บ่น ๆ จะอยู่อย่างไรกับอนาคตที่ไม่แน่นอน
ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในปีนี้ที่ทุก ๆ คนเห็นในภาพข่าวกันทุก ๆ วัน การดินรนเอาตัวรอดของคนที่ประสพภัย ทั้งคนเมืองและคนในชนบทเจอแบบเดียวกันแทบทั้งสิ้น ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นอีกก็ตอบได้ยาก ราคาผลผลิตที่ปลูกแล้วกินไม่ได้ เช่นยางพาราก็ถึงช่วงขาลง ลงวันละ 5 บาท เห็นแล้วกลุ้มใจแทนชาวสวยยาง (ตัวเราด้วย) แต่ของทุกอย่างกลับแพงขึ้นเรื่อย ๆ ต่อไปในวันข้างหน้าภัยธรรมชาติจะมาในรูปแบบใดก็ยากที่จะคาดเดาได้ ซึ่งตอนนี้แนวทางการเอาตัวรอดของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันไป ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความมีน้ำใจของคนไทย ซึ่งเป็นพื้นฐานของคนไทยมาแต่เดิมมีให้เห็นอย่างมากมาย แต่เมื่อความเสียหายที่ขยายเป็นวงกว้างก็ยากที่การช่วยเหลือจะไปถึงได้ทุกคน
ลองหันกลับมาย้อยดูตัวเราเตรียมการรับมืออย่างไรบ้างแล้ว สังคมไทยเป็นสังคมเกษตรมาแต่โบราณการที่มาปรับเปลี่ยนเป็นสังคมอุตสาหกรรม ที่อะไร ๆ ก็พูดกันด้วย เงิน ๆๆ แต่พอเจอภัยธรรมชาติแล้วล้มครืนลงทั้งหมด ต่างจากสังคมการเกษตรเมื่อน้ำลดก็ยังปลูกใหม่ทดแทนกันได้ แต่ตอนนี้พื้นที่ทางการเกษตรจำนวนมากก็ถูกปรับเปลี่ยนมาเป็นปลูกพืชเศรษฐกิจ เช่นยางพารา ปาล์มน้ำมัน แทน บางคนเลิกทำนาโดยการปรับที่ใหม่ จากเดิมเหมาะสำหรับปลูกข้าว มายกร่องปลูกปาล์มน้ำมันแทน เห็นแล้วน่าหดหู่ใจที่อู่ข้าวอู่น้ำกำลังจะเป็นแหล่งน้ำมันบนดิน การปลูกพืชที่ไม่สามารถนำมาเป็นอาหารได้จำนวนมาก ๆ เช่นยางพารา (ตัวเองก็ปลูก) ซึ่งหลาย ๆ คนในชุมชนก็กำลังหลงทาง (คิดไปเองคนเดียว) กับการปลูกพืชโดยไม่ได้มองว่าพื้นฐานในการดำรงชีพในแต่ละวันหาได้นำยางมาประกอบอาหารได้ (ความคิดส่วนตัว) ใคร ๆ ก็มองว่าขายยางแล้วซื้อกินได้ทุกอย่าง แล้วถ้ายางพาราราคาตกละ จะทำอย่างไร ? ซึ่งหลาย ๆ คนขุดบ่เลี้ยงปลาไว้อย่างดี ดันเอายางพาราไปปลูกไว้อีก ทั้งที่พื้นที่บริเวณขอบบ่อนั้นสามารถนำมาปลูกผักได้อย่างมากมาย (แถวบ้านเป็นแบบนี้เยอะ)
แค่นั้นยังไม่พอ ข้าง ๆ นาข้าวก็ยังเอายางพารามาปลูกอีกยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ รู้ไหมว่าอีกไม่นานยางพาราที่ปลูกนั้นจะเป็นร่มเงาขนาดใหญ่ทำให้ข้าวในนาไม่ได้รับแสงที่ดีทำให้ผลผลิตข้าวได้น้อยลง (ข้าวเป็นพืชไวแสง)
ต้นยางพาราที่ปลูกใกล้ ๆ นาไม่นานก็คงสงผลกระทบต่อข้าวในนาบ้าง (นาของญาติ)
หลังจากที่ลองผิดลองถูกมาหลาย ๆ อย่าง เริ่มทำสวนยางมาก็เกือบ 8 ปี (อาชีพเสริม) ปลูกยางพารามา 7 ปี ลงทุนไปก็หลายบาท แต่แล้วมามองดูสวนยางที่เฝ้าทะนุถนอมมานานเติบโตจนได้ผลผลิต แต่ถ้าดู ๆ ไปแล้วในอนาคตข้างหน้าต่างประเทศอย่าง จีน ลาว เวียดนาม กัมพูชา ฯลฯ มียางได้กรีดบ้างจะเป็นอย่างไร (ไม่อยากจะคิด) เมื่อย้อนไป 7 ปีที่แล้วถ้าวันนั้นผมตัดสินใจปลูกยางทั้งหมดในที่ที่มีอยู่ ก็คงไม่มีที่ทำเกษตร ปลูกผัก เลี้ยงปลา เหมือนทุกวันนี้ (ดีที่บ้าไม่เหมือนใคร) หลังจากที่มั่ว ๆ มาจนถึงปัจจุบัน เรียนรู้จากหนังสือ ทีวี ข่าวสารด้านเกษตร และอินเตอร์เน็ท ที่พึ่งรู้จักมาไม่นาน จึงทำให้รู้ว่าการทำเกษตรแบบผสมผสาน ปลูกนั้นนี่อย่างละเล็กละน้อย ปลูกไม้ใช้สอย เน้นผักที่ปลูกง่าย ๆ ไม่แปลกประหลาดอะไรมากมาย ปลูกสิ่งที่ชอบ และทนแล้ง ใช้น้ำน้อย ทำให้รู้ว่าการเดินทางสายนี้แม้จะล้มลุกคลุกคลานมาบ้าง แต่ด้วยแรงใจและแรงกาย ประกอบกับความศรัทธาในแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง และมีตัวอย่างดี ๆ ให้เห็นหลาย ๆ คน ทำให้ตนเองเกิดความมั่นใจในสิ่งที่ทำมากยิ่งขึ้น และเห็นแล้วว่าแนวทางนี้คือทางรอดของครอบครัวและตนเองได้ไม่มากก็น้อยในโลกแห่งความเปลี่ยนแปลง ซึ่งความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ของสวนและนาที่ตั้งอยู่นั้นค่อนข้างปลอดภัยกับ น้ำท่วม ดินโคลนถล่ม (ไม่แน่) เพราะว่าตั้งอยู่ในที่สูงไม่ใช้ทางน้ำไหลผ่าน ประกอบกับที่อากาศ ดิน น้ำ ที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก ๆ คงทำให้การเดินในแนวทางนี้คงไปได้อย่างมั่นคงโดยไม่ยากเกินกำลังที่จะทำได้
ปลูกอะไรก็ได้กินถ้าไม่ขี้เกียจ
อาหารจากธรรมชาติ แต่ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับเขาด้วยไม่ใช้ทำลายอย่างเดียว ตอนนี้ปูนามีเยอะมาก ๆ แต่ไม่กัดต้นข้าวเลยแม้แต่น้อย
แต่อย่างไรเสียแม้เรารอดแต่คนอื่นไม่รอด ก็ต้องเกิดการแย่งชิงทรัพยากรกันอย่างแน่นอน ทำอย่างไรให้เกิดเครือข่าย (กำลังคิดอยู่ว่าจะทำอย่างไร) เกิดความมั่นคงในชุมชน แล้วขยายใหญ่ขึ้นเป็นเกราะป้องกันตัวเรา ไม่มีใครจะสามารถยืนอยู่ได้คนเดียวบนความทุกข์ยากของคนอื่น ๆ ได้อย่างมั่นคง แต่ทุกคนจะยืนอยู่ได้อย่างมั่นคงก็คือ การช่วยเหลือ แบ่งปัน ให้หลาย ๆ คนค้นหาแนวทางรอดแล้วกระจายเครือข่ายให้กว้างขวางมากขึ้น นี่ต่างหากที่จะทำให้เกิดความยั่งยืน และมั่นคงในการดำรงชีวิตในปัจจุบัน เฮ้อ!!! ก็ได้แต่บ่น ๆ กับตัวเองไปวัน ๆ ยังไงก็จะทำจนกว่าคนอื่น ๆ จะหันมามองบ้างก็แค่นั้น....แต่วันนี้มีผัก มีปลา มีข้าว ปลอดภัย ปลอดสารพิษไว้บริโภคในครัวเรือนของตนเองได้อย่างแน่นอนแล้ว..ฮ่า ๆๆๆๆๆๆ
จะพอเพียง....เพื่อเพียงพอ....ให้ได้ในสักวัน..
โปรดติดตามตอนต่อไป... wisit_photo@hotmail.com
- บล็อกของ วิศิษฐ์
- อ่าน 5129 ครั้ง
ความเห็น
แจ้ว
24 ตุลาคม, 2011 - 09:59
Permalink
Re: บ่น ๆ จะอยู่อย่างไรกับอนาคตที่ไม่แน่นอน
เริ่มที่เราก่อน
:admire2:
เจ้โส
24 ตุลาคม, 2011 - 10:06
Permalink
Re: บ่น ๆ จะอยู่อย่างไรกับอนาคตที่ไม่แน่นอน
น้องศิษฐ์เข้าใจถูกต้องแล้ว ตอนนี้จีนเข้าไปลงทุนปลูกยางในลาว เวียดนาม เขมร ที่บ้านเรายางแพงก็เพราะจีนเป็นรายใหญ่ที่เข้ามาซื้อ แต่ถ้าทางโน้มกรีดได้เค้าจะซื้อบ้านเราหรือเปล่า ???
garden_art1139@hotmail.com
สิทธิชัย สุตะพันธ์
24 ตุลาคม, 2011 - 10:13
Permalink
Re: บ่น ๆ จะอยู่อย่างไรกับอนาคตที่ไม่แน่นอน
เห็นด้วยเป็นที่สุดครับ
oddzy
24 ตุลาคม, 2011 - 11:47
Permalink
Re: บ่น ๆ จะอยู่อย่างไรกับอนาคตที่ไม่แน่นอน
จริงด้วยนะ ใครจะคิดเอ๊ะใจบ้างก็ไม่รู้ การทำไร่นาสวนผสมคือทางออกที่ดีในตอนนี้
นึกถึงนิทานก่อนนอนที่วิศิษฐ์เคยเอามาลงแล้วนะเนี่ย
สาวน้อย
24 ตุลาคม, 2011 - 12:48
Permalink
Re: บ่น ๆ จะอยู่อย่างไรกับอนาคตที่ไม่แน่นอน
เห็นด้วยเลยจ้า...แต่ว่าพี่ต้องซื้อกินอยู่ดีไม่มีที่ปลูก
ชีวืตที่เพียงพอ..
Sopha B'
24 ตุลาคม, 2011 - 13:18
Permalink
Re: บ่น ๆ จะอยู่อย่างไรกับอนาคตที่ไม่แน่นอน
บ่น ๆ บ่นเรื่องจริงทั้งน้าน น่าฟังออกค่ะพี่ศิษย์
Yo
24 ตุลาคม, 2011 - 13:58
Permalink
Re: บ่น ๆ จะอยู่อย่างไรกับอนาคตที่ไม่แน่นอน
เป็นคำบ่นที่รู้สึกสะกิดใจผมเป็นอย่างยิ่ง เห็นด้วยเป็นที่สุดครับ
:admire:
วิถีพอเพียงคือวิถีแห่งความสุข
สนิทเมืองอุดร
24 ตุลาคม, 2011 - 14:13
Permalink
Re: บ่น ๆ จะอยู่อย่างไรกับอนาคตที่ไม่แน่นอน
เห็นด้วยครับอ้ายปลูกของที่เรากินได้บ้างเผื่อสินค้าเกษตรขายไม่ได้จะได้มีของกินครับ
ดีหรือชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงหรือต่ำอยู่ที่ทำตัว
บุคคลจะล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร
james
24 ตุลาคม, 2011 - 14:22
Permalink
Re: บ่น ๆ จะอยู่อย่างไรกับอนาคตที่ไม่แน่นอน
เห็นด้วยตามเหตุผลเหล่านั้นครับพี่ศิษฐ์
sunavee21
24 ตุลาคม, 2011 - 14:31
Permalink
Re: บ่น ๆ จะอยู่อย่างไรกับอนาคตที่ไม่แน่นอน
ขอให้คำบ่นนี้ ทำให้อีกหลายคนได้คิดนะครับ
สวนจินตนาการ
นำจินตนาการ มาผสานให้เป็นจริง
หน้า