เรียกกันเอาเอง !

หมวดหมู่ของบล็อก: 

    เพื่อนบ้านใกล้ เรือนเคียง  ... ขึ้นมาจากปากพนัง … มาจัดการบ้าน หลังถูกน้ำท่วมร่วมสองเดือน ... และทิ้งไว้ ... ก็เพิ่งโผล่มานี่แหละ ... ให้เหตุผล (โดยไม่ได้ถาม) ... ว่า จัดการเรื่องน้ำท่วมทางโน้นเพิ่งเสร็จ ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่า ที่ปากพนังแหละ ...

    ไม่มาตัวเปล่าครับ ..มีปลาช่อน ทั้งที่สด และที่ทำเป็นปลาเค็มตากแห้งมาฝากด้วย

    ที่เค็ม และแห้ง ... เก็บไว้ กินวันหลัง ก็ไม่เป็นไร ... แต่ที่สด ... เก็บไว้นาน จะเสียรส ...

    มติ ฉบับครัวเรือน ... เรียกร้อง “จะกินแกงปลาช่อนทอด ที่พ่อเคยทำให้กิน”  ... เลยแจ้งข้อแม้ กะสมาชิก ว่า ...

    “เดี๋ยว ... สำรวจ ส่วนผสม และ เครื่องปรุง ที่ต้องใช้ก่อน” .... แล้วเข้าครัว ... เปิดกรุอาหาร (ตู้เย็น อีกแล้วครับท่าน) ... รื้อนู้น ... ดึงนี่ ... ที่สุด ...

          “ได้เลย ! .... จัดให้” ... ร้องบอกสมาชิก ...

 

 

 

 

 

    คว้าปลามาหั่น แว่น ประมาณนี้ .. บางมากไป จะเละ ... หัวจะผ่าอย่างที่เห็น .. ถ้าอยากดูดทั้งหัว ก็ไม่ต้องผ่า

 

 

 

 

 

 

     เอาส่วนผสม สำหรับ ... แต่งรส และกลิ่น มาเตรียม ... 

      - ตะไคร้ทุบแล้วผูกปมหน่อย จะได้ไม่เกะกะ ... 

      - ข่าอ่อน หั่นแว่นบาง ตามชอบ ... แต่ถ้ามาก .. รสแกงจะปร่า นะจะขอบอก ...

      - หอมแดง และ กระเทียม ปอก ล้าง ... ทุบ ... ส่วน พริกขี้หนู บุบ เอาครับ

  จำนวน และปริมาณ หรือครับ ... ตามชอบ

    ครับ ... ขอย้ำครับ ... ว่า

      อาหารไทย ไม่มีสูตรตรัสรู้ สำเร็จ ... ต้องลิ้ม ชิม ปรุง ... ให้ต้องโฉลก กะลิ้นเอาครับ ... ไม่เหมือนอาหารฝรั่ง โดยเฉพาะ “ขนมอบ” .. ซึ่งผิดส่วน ละก็ ไม่ออกมหาสมุทร ... ก็หลงดอยไปเลย

 

 

 

 

 

    นี่ครับที่เตรียมไว้ ... ใบมะกรูดยังไม่ใช้ ... เอามาประสมวง ให้ครบ ๆ ไว้ก่อน

 

 

 

 

 

 

      เมนูนี้ ... ถ้าจะให้อร่อย ... ต้องผัดหมูสามชั้น ให้ออกน้ำมัน และหมูออกกรอบ ... แต่วันนี้ ค้นจนทั่ว ... ก็ไม่ประสบพบพาน ... เลย เอาไก่ใส่แทน ... ปลาจะได้ไม่เหงา ... เมื่อไม่มีน้ำมัน ... ก็ต้อง

    ยกกระทะตั้งไฟปานกลาง ... ใส่น้ำมันพืชพอควร .... รอจนร้อน ... เอาปลาลงทอดให้สุก แข็ง จะได้ลดกลิ่นคาว อีกทั้งเวลาแกง เนื้อก็ไม่เละ ... ปลาได้ที่ .. ตักออกพักไว้ ... น้ำมันที่เหลือในกระทะ เอาส่วนผสมที่เป็นสมุนไพร ยกเว้นใบมะกรูดลงผัด ให้หอม ...

    พอกลิ่นหอม ฟุ้งกระจาย ... ตักกะปิ ประมาณ 1 ช้อนคาวพูน ใส่ลงไป ... หากมากไป จะเหม็น และเค็ม ... ผัดต่อให้หอมกลิ่นกะปิ

    ใส่ ไก่ ... เอาเฉพาะเนื้อ นะครับ ... กระดูก และ ขน ... ไม่เอา ... ฮุ ๆ ๆ ... ผัดต่อจนเนื้อใก่สุก ... เติมน้ำสะอาด ใครจะเติม Stock  หรือ เสริมด้วย สารพัดอุปกรณ์ ชูรส ก็ไม่ว่ากัน ... ตามชอบ เลยครับ

    แต่สำหรับที่บ้าน ปลอด สารชูรสพวกนี้ ครับ ... จะมีก็ เกลือ ซีอิ้ว น้ำปลา น้ำมันหอย และน้ำตาล ... ดังนั้น ข้าพเจ้า จึงปรุงรสด้วย ... เกลือ – น้ำตาล และซีอิ้ว ... เมนูลักษณะนี้ ไม่ควรใช้น้ำปลาครับ เพราะจะเป็นการเพิ่มกลิ่นคาวในอาหาร

     พอน้ำเดือด ... งวด เกือบได้ที่ ... เทปลาทอด ที่พักไว้ลงไปร่วม “มัจฉากรรม” ... ฉีกใบมะกรูดโยนใส่ ... ระวังอย่าให้พลาดออกนอกกระทะ ซะนะขอรับ ... ฮุ ๆ ๆ

 

                 รอให้เดือดอีกหน ... ยกลง ... เห็นยัง

                     อ๊ะ ... เสร็จแล้วนะเนี๊ยะ !

    จากที่ นำเสนอมา ... ท่านจะเห็นว่า เมนูนี้ ค่อนข้างมั่ว ... จะเป็นเมนูจืด ก็ไม่ใช่ ... เผ็ดก็ไม่เชิง ... เลยไม่ทราบจะเรียกว่าอะไรดี .... ก็ ...

           “เรียกเอาเองตามชอบก็แล้วกัน

    แต่สำหรับวันนี่  เนื่องจาก ... มีทั้งไก่ และ ปลาช่อน ... ดังนั้นจะเรียกว่า

       เมนู ... “ไก่แก่ .. แม่ปลาช่อน”  ก็น่าจะเหมาะ นะ ... ฮุ ๆ ๆ

ความเห็น

ดูยังงัยว่าเป็นปลาช่อนตัวเมีย....แม่ปลาช่อน

:confused:


   ก็ต้องใช้เวลาในการ ถอดกระโปรงตั้งนาน แน่ะ ... ส่วน

    ไก่ ที่รู้ว่าแก่ ... เพราะต้องเคี้ยวนาน ... ปานไก่นักมวย เชียว

        :uhuhuh:

ปลาช่อนปากนัง น่าจะใส่ผ้าถุง....นะคะ

:sweating:

ออ...แต่ว่าไปนครปฐม...อาจจะใส่กระโปรง 

:embarrassed:


ต้มยำขลุกขลิ๊ก   :confused:

   ขลุกขลิกก็พอแล้ว ... เนื้อของลูก ...

     ส่วนน้ำ เป็นของเรา ... ท่านี้ก็พ้อ ... เท่านี้ก็พอ ...

        ฮึ ๆ ๆ 

ลุงก้อ...เรียกเสียเซ็กซี่เชียว...คงหรอยอย่างแรรรรงงงงง....

   ก้อออ... ไม่ทราบจะเรียกไง ... น่ะย่า

     เลยเรียกตาม ส่วนส่วนหลัก  ... ซะเลย

น่าทานค่ะ ชอบอาหารแบบนี้ ทำง่าย อร่อย หอมเครื่องเทศแบบไทยๆ

   ปลาสด ... โดยเฉพาะปลาน้ำจืด ... ต้องหนักสมุนไพรกลิ่นจัด

     ไม่งั้น ... ค ... สระ "อาว" ... คาว ... ครับ

น้ำลายไหลๆๆๆ :crying2:

ภาษาไทยเป็นภาษาของชาติไทย เรามาร่วมรณรงค์ใช้ภาษาไทยให้ถูกกันดีกว่าครับ

หน้า