....... แปลงผักหลังห้องแถว............

หมวดหมู่ของบล็อก: 
Keywords: 




เป็นที่ดินที่เกือบจะรกร้างว่างเปล่าแห่งหนึ่งหลังห้องแถวชั้นเดียวใกล้ตลาดสด  ด้านหนึ่งขนาบด้วยห้องแถวทอดตัวยาวแนวตะวันออก-ตะวันตกทางด้านทิศใต้  

ตะวันตกจรดรั้วของบ้านเดี่ยวชั้นเดียว  ทิศเหนือจรดชายคาของโรงเรือนขนาดห้าคูณแปดเมตร หลังคากระเบื้องลอน โรงเรือนแห่งนั้นเคยเป็นร้านกาแฟอยู่หลายปี เปลี่ยนมือมาแล้วหลายเจ้า

ตะวันออกของที่ดินแปลงนั้นติดถนน มีต้นไม้ขนาดใหญ่อย่างปาล์มน้ำมัน ต้นกระถิน มะรุม และไม้ประดับเล่นใบสีม่วง

 

ที่ดินแปลงนั้นมีผักสวนครัวเต็มพื้นที่ ทั้งงาม และดกดื่น ผมนั่งกินกาแฟร้านนั้นมาหลายปี ยังไม่เคยเห็นเจ้าของ กระทั่งปีที่แล้วมันถูกปล่อยให้รกร้าง ต้นผักชีลาวงอกงามสูงลิบลิ่ว จนเกือบจะกลายพันธุ์เป็นหน่อไม้ฝรั่ง เถาวัลย์หลากชนิดพร้อมใจกันเลื้อยปรกปกคลุมจนตามหาพืชผักดั้งเดิมไม่เจอ กลายเป็นที่รกร้างหลังห้องแถว




หลายวันที่ผ่านมามันถูกทำให้โล่งเตียน ผักที่แอบอยู่กับความรกเรื้อก็อวดโฉม ทั้งข่า มะเขือฟักเขียว ฟักทอง ฯลฯ ต้นผักชีลาวถูกตัดเหลือตอ กำลังผลิยอดอ่อนน่ากิน เถาวัลย์บนต้นมะรุมถูกตัดดึงทึ้งจนโล่ง นกตัวเล็กๆ กำลังส่งเสียงร้องเรียกกัน





วันนี้ขณะที่ผมกำลังนั่งละเลียดกาแฟ แกล้มข้าวเหนียวดำหน้ากะฉีกเพลินๆ ปรากฏหญิงชราคนหนึ่งลากรถเข็นรถเข็นผักขนาดเล็ก ซึ่งบรรทุกกล่องโฟมสีขาว มีต้นยี่หร่าแตกพุ่มใบสวยพองาม  เธอค่อยๆ ลากไปจนถึงแปลงผัก  ประจงแกะลังโฟมออก ขุดหลุมด้วยเสียม แล้วเคลื่อนย้ายต้นยี่หร่าลงปลูก ทุกลีลาท่าทางดูนุ่มนวล ประหงม เหมือนของมีค่า มีชีวิต เป็นนาฏกรรมเล็กๆ ที่ชวนรื่นรมย์เหมาะกับอารมณ์กาแฟ



 


เจ้าของร้านกาแฟส่งเสียงทักทาย “ปลูกแล้วเดี๋ยวพวกก็เด็ดเหลือแต่ต้น แล้วก็ตายอีกหรอก” 

“ตายก็ปลูกใหม่” หญิงชราตอบ

ใช่...ตายก็ปลูกใหม่ คำตอบที่เรียบง่ายและดูเหมือนใจเย็น ใจบุญ เอื้อเฟื้อ ไม่ยี่หระต่อความเห็นแก่ตัวที่อยู่รอบราย บางที่นี่อาจเป็นคุณสมบัติหนึ่งของคนปลูกต้นไม้ที่พึงมีติดตัว (แต่ก็อาจเป็นคุณสมบัติทั่วไปของคนที่ผ่านเวลามานานกระทั่งลูกหลานเรียกลุง ป้า ปู่ ย่า ตาย ยาย ในนามของความแก่ชราแน่ละไม่ใช่ทุกคนที่เป็นหรือมี )

ความจริง เรื่องราวเหล่านี้น่าจะจบอย่างนี้ เรียบง่าย ดีงาม สมกับเป็นชาวบ้านร้านตลาดที่สร้างคุณความดีในช่วงปัจฉิมวัย แต่ทุกเรื่องราวในชีวิตจริงมักที่เรื่องที่ต้องครุ่นคิดมากกว่าที่สายตาเห็นเสมอมากน้อยตามแต่เหตุปัจจัยของแต่ละปัจเจก
 

 


หญิงชราคนนั้นแท้ที่จริงเป็นเจ้าของห้องแถวทั้งหมดตรงนั้น เป็นเจ้าของที่ดินที่แกปลูก ลูกหลานของแกมีกิจการร้านอาหารใหญ่โต เวลาว่างของแกคือเวลาที่เงินทองงอกเงยตามกิจการที่ได้ลงทุนไว้แล้ว การปลูกผักให้ใครก็ได้มาเด็ดกินอาจไม่ได้หมายถึงใครก็ได้จริงๆ แต่เป็นใครก็ได้ที่แกคัดกรองแล้วด้วยวิสัยทัศน์แห่งปัจฉิมวัยที่สมองและร่างกายยังคงทำงานได้ตามสั่ง

เห็นภาพ พบเรื่องราวแล้วกลับมาครุ่นคิดถึงตัวเอง ถ้าได้มีโอกาสมีและใช้ชีวิตถึงวัยขนาดนั้นแล้ว จะทำอะไรให้กับตัวเอง ให้กับบางใครได้สักกี่มากน้อย

ยังไม่นับว่าถึงตอนนั้นแล้ว ทั้งสมองและร่างกายจะสั่งงานได้ตามใจปรารถนาหรือเปล่า ?  




๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ 

ความเห็น

โอ้....นึกว่าอ่านนิยายเล่มละ 10 บาทนะนี่.... แต่ที่ใหนได้เรื่องจริงนี่เอง  น่ายกย่องหญิงชราค่ะ

บ้านหนูก็ปลูกไปเรื่อย แล้วแต่ใครจะมาเก็บกินเหมือนกันค่ะ ญาติ ๆ รอบ ๆ บ้านใครจะมาเก็บอะไรกินได้ไม่ว่ากันปลูกเผื่อทุกคน Laughing

แบ่งปัน สร้างสรรค์ พอเพียง

 

พี่ก็ไม่หวงค่ะ ..แต่โดนขุดไปทั้งต้นเลยค่ะน้องอารีย์ "ซึ้ง!"

แต่เรื่องทั้งหมด จริงอย่างคุณสายลมฯ คนปลูกก็ปลูกอยู่นั่น คนอื่นที่มาเด็ดก็แย่เหลือเกิน แต่มาสะดุดข้อความที่เขียนว่า " ไม่ยี่หระต่อความเห็นแก่ตัวที่อยู่รอบราย " พี่ก็เจอด้วยตัวเอง ส่วนรายละเอียดไม่ขอเล่านะค่ะ.. ขอบคุณเรื่องที่เขียน ด้วยความประทับใจ และนำเสนอสิ่งดีๆ ให้ได้รับรู้ อยากโหวตคลิกตรงไหนค่ะ

 

ไม่ได้อ่านบล๊อกคุณสายลมลอยนานแล้วนะคะ

เมื่อถึงเวลาปล่อยวางภาระหน้าที่ป้าไก่ก็อยากใช้ชีวิตแบบนี้เหมือนกัน  แม้จะไม่มีห้องแถวให้เช่าเหมือนยาย ก็จะอยู่อย่างพอเพียงปลูกผักแบ่งปันกันไป ถึงเวลานั้นจะยังจับจอบจับเสียมไหวมั๊ยนะ  หรือว่าจะอยู่ไม่ถึงก็มิรู้

นี้แหละมุมมองของท่านสายลมลอย  สายลมมิได้ลอยผ่านอย่างเฉยเมย......

คิดให้แตกต่าง...แต่อย่าแตกแยก

หญิงชราท่านนั้น วันเวลา ได้บ่มเพาะ ขัดเกลา ความคิดจนตกตะกอนแล้ว ห้องแถว ที่ดิน เงินทอง ใช่ทุกคนอยากมี อยากได้ มีแล้วมีความสุข แต่เมื่อถึงวัน เวลาหนึ่งสิ่งเหล่านั้นเปรียบเหมือนเครื่องประดับกาย ปลูกผัก ใครจะเก็บก็ปลูกใหม่ ได้ปลูก ได้ทำ ได้ให้คนที่มองแล้วเป็นคนที่ควรให้ นี่คือเครื่องประดับใจ แล้วสุขไหนจะเท่าเทียม

หายไปนานนะคะคุณสายลมลอย แต่เวลามาทีก็เอาของดี ๆ มาให้ตลอด Laughing

"ความสุขของชีวิตในวันนี้ คือทำตามวิถีพอเพียงของพ่อ"

Yell ชอบจังค่ะ อ่านแล้วเพลินดี บางทีปลูกพืชโดยไม่หวังผลก็มีความสุขไปอีกแบบ ไม่ต้องคาดหวังว่าทำแล้วจะได้อะไร แค่พอใจก็พอ Laughing

ที่บ้านปลูกในซอยหมาหลง  ไม่มีคนเก็บ  ต้องไปบอกว่า  อันนี้เก็บได้นะ  มันดกเหลือเฟือ  แต่มีบ้านแค่4หลัง 4ครอบครัวเท่านั้น  มาช่วยกินอยู่หลังเดียว  ส่วนอีก2หลัง   ให้เมล็ดพันธุ์ไปปลูก

หน้า