เรียก ? ... ได้ ... ไม่ว่ากัน

หมวดหมู่ของบล็อก: 

    สิ่งที่จะนำมาเสวนา บนบล็อก วันนี้ (15 ม.ค. 2556) ... มีมานมนาน …ข้าพเจ้า และ หลาย ๆ ท่าน เคยเห็น ทั้งเคยทาน ด้วยซ้ำ ... แต่ ...

     เรียกขานกันไป ... นา ๆ ชื่อ ...

แต่ก่อน ... แต่ก่อน ๆ นานมา ... ในห้วงเวลาที่ข้าพเจ้าจำความได้ ว่า ...

      ... ที่นาสาร สุราษฎร์ .. บ้านเกิด ข้าพเจ้า ... มีขายทั่วไป

     ทั้งใน “ลาดจาย” อ่านแล้วได้เสียงสำเนียงใต้ แปลความว่า “ตลาดจ่าย” ความหมาย คือ “ตลาดสด”

     และ ... หาบเร่ ที่มิใช่แผงลอย โดยแม่ค้าสมัครเล่น ซึ่งเป็นชาวบ้าน ในชุมชนนั่นแหละ ... เดินไปตามบ้าน ลานกะได  (ปัจจุบันไม่มี อีกแล้วครับท่าน) ... แล้วตะโกนถาม เจ้าของ เคหา ว่า ...

       “กิน มี้ ม้าย” แปลความได้ว่า ... “กินหมี่ไหม ... คะ”  ฮึ ๆ ... “คะ” ข้าพเจ้าเติมให้เองแหละ ... จะได้ฟังประเทืองโสตหน่อย ...

     สนนราคา รึครับ ... 1จานสังกะสีเคลือบพูน ๆ ... ตั้งสลึงเชียว แหละ ...

     มี้ หรือ หมี่ ... ที่สื่อโดยแม่ค้า ... หมายถึง “อาหารจานเดียว” ประเภทหมี่ผัด Menu หนึ่ง ... และก็เป็น หนึ่งในหลาย ๆ Menu  ที่ข้าพเจ้าชื่นชอบ ... จึงฝึกทำมาตั้งแต่เด็ก จะได้ทำกินเอง ไม่ต้องรอแม่ค้า ที่หากำหนดไม่ได้

           “หมี่กะทิ” ... เป็นชื่อที่ แจ้งจดใน “สูติบัตร”

     อ๊ะ ... ไม่ต้องจินตนาการ ว่า หน้าตาเป็นยังไง

 

 

 

 

 

 

           นี่ครับ ... เอามาให้ดู ล่ะ ...

 

 

 

 

 

 

 

                     เห็นปุ๊บ ... อ้อ ... !

 

     หมี่โคราช ... หลาย คน รีบร้องขัด ... ม่าย ช่าย ๆ ... หมี่กะทิอุดร ... ทีนี้ ...

       ทางใต้ ก็แย้ง เอามั่ง ... ไม่ใช่ ... “ผัดไทยไชยา” ตะหาก

     “ไม่ใช่ … ‘ไชยา’ … ‘มี้ท่าฉาง’ ” คนที่นั่งใกล้ ๆ กันติง ...

         คนที่มาจาก “เมืองคอน” (นครศรีฯ) ดูแล้ว ไม่ออกความเห็น ... แต่รู้สึกค้านอยู่ภายใน ... ‘อะไรวะ ... กะ มี้ปากนัง’ (หมี่ปากพนัง)

     เอาเหอะ ๆ ... จะเรียกอะไรก็ช่าง ก็คือที่เห็นนั่นแหละ ... ไม่มีใครผิดหรอกครับ ... แต่ที่แน่ ๆ ... ไม่ใช่ “ผัดไทย” ... แต่ใครจะเรียกว่า “ผัดไทย” ก็ไม่ว่ากัน

     ทั้งนี้ ระหว่าง หมี่กะทิ กับ ผัดไทย ... ส่วนผสม ... เครื่องปรุง และวิธีทำ ต่างกัน ... เพียงปรุงเสร็จแล้วรูปลักษณ์ คล้ายกัน ... ยิ่ง “รสชาติ” ยืนยันได้ ว่า ... “ห่างกันโข”

     มัวคุยอยู่นี่แหละ เลยพลาดถ่ายรูปบางตอนมาให้ชมกัน ... เอาเท่าที่มีก็แล้วกันเนาะ ... เชิญครับ ... ตามเข้าไปในครัว ... ดู ... เอ้ย ... อ่าน กระบวนการ ทำ ... “หมี่กะทิ” ของข้าพเจ้า ...

     ขอย้ำ .. “ของข้าพเจ้า” ... ดังนั้นหากที่ท่านเคยเห็นมีอะไร แผกไปจากที่นำเสนอ ก็ ขออนุญาต ปฏิเสธไว้ ณ บัดดล ว่า “นั่นมิใช่ของข้าพเจ้า” ... ฮุ ๆ ๆ ๆ

     หลังจาก หาซื้อส่วนผสม & เครื่องปรุง ครบแล้ว (มีอะไรบ้าง โปรดติดตาม) ข้าพเจ้า ก็ลงมือ

     ทำน้ำปรุงรส จะเรียกน้ำแกง ก็ไม่โกรธนะ ... โดย 

       - คว้า พริกชี้ฟ้าแห้ง มาแกะเอาเมล็ดทิ้ง - ล้าง – โขลก (ใสเกลือนิดหน่อยให้โขลกง่าย)  พักไว้

      - ปอกหอมแดง ล้าง – สับละเอียด รอไว้คาเขียงงั้นแหละ

       - ยกกระทะ ตั้งไฟกลางค่อนแรง ใส่กะทิ UHT (ไม่บอกยี่ห้อ เพราะไม่ได้ค่าโฆษณา) ลงไปไม่มากนัก จะได้แตกมันง่าย ...  พอแตกมัน ยกเขียงหอมสับ มากวาดหอมลงผัดจนหอม – ตามด้วย พริกชี้ฟ้าตำที่พักไว้ ... ซึ่งขั้นตอนนี้ ไม่มีในกระบวนการทำ “ผัดไทย” ครับ เพราะผัดไทย ไม่มีกะทิ และ พริกชี้ฟ้าตำ ... แต่จะใช้นำมัน ... ส่วนพริก จะใช้พริกป่น

  ผัดต่อ ... จนป้าที่ยืนช่วยโขลกเต้าเจี้ยว จามลั่นครัว  ... จึง

       - เติม หัว หาง (ดูยากหน่อย ไม่เหมือนงู) กะทิ  ลงไปหมดกล่อง ... ควักน้ำตาลปีบ ใส่เอา ๆ ... ตามด้วย น้ำมะขามเปียก ย้ำ “น้ำ ไม่เอาเนื้อ” ... และ เต้าเจี้ยว โขลก ที่อนุเคราะห์โดยป้า ...

      เรียกลูกที่กำลังตำถั่วลิสงคั่ว (อยากทาน ก็ต้องร่วมหุ้น)  มา ... “สหประชาชิม” ... เพราะ แม้นจะเป็นครอบครัว เดียวกัน แต่ ... “ต่างรัดดวง” (ชอบต่างกัน) ... ใครอยากเพิ่มอะไร ... ใส่เอาเอง ... เป็นการหาตัวร่วม ไม่อร่อย จะได้อ้าง ฮึ ๆ ๆ ... ปรุงอย่างไร ก็ได้รส เอกลักษณ์ หมี่กะทิ แหละครับ คือ หวานนำ เปรี้ยว ซ่อนเค็มไว้ พอกระสาลิ้น เรียกน้ำลายด้วยกลิ่นกะทิ ... ดังนั้น 

     กรุณาอย่าถาม อัตราส่วน ข้าพเจ้าใส่เอาตามรัดดวงเรียกร้อง (อาหารไทย ต้องชิมตามชอบครับ) แต่ต้อง ค่อย ๆ ค่อยปรุง นะครับ ... ใม่งั้น สุนัข จะบอกยิ้ม ๆ ว่าหวานคอ ... พวกเดียวกันกับข้าพเจ้า จึ่งรู้ใจกัน ฮึ ๆ ๆ

    - พึงใจในรส ... ใส่กุ้งสด (เปลี่ยนเป็นเนื้ออะไรก็ได้ตามชอบ) ... รอจนสุก ...

        - เอาเส้น ... ที่ลวก พัก สะเด็ดน้ำไว้ลงผัด จนเข้ากันทั่ว ... ในที่นี้ข้าพเจ้า เลือกเส้นก๋วยเตี๋ยว “เส้นเล็ก” ทั้ง ๆ ที่จะทำ “หมี่”กะทิ ... ฮึ ๆ ๆ ... งง แมะ ?

     - ตามด้วย ใบกุยช่าย และ ถั่วงอก ตามชอบอีกแหละ

 

 

 

 

 

        ออกมา ... หน้าตา ... เป็นฉะนี้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

    ส่วนผักเครื่องเคียง ... รถขายกับข้าวยังไม่โผล่ ก็ เอาเท่าที่เห็น ...

    ใคร ... มีหัวใจยักษี, ถั่ว, แตง, บัวบก ... ฯลฯ ... จะอนุเคราะห์ ก็ไม่โกรธนะครับ 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

     ถั่วลิสง ... ที่ลูกป่นไว้  ยัง “เลบ้านอน” อยู่ในครก ... ไม่ถูกส่งลงร่วม โภชนากรรม ... ไว้ใครชอบก็ตักโรยเอาเอง

 

 

 

 

 

     โดยปกติ ข้าพเจ้า จะเคี่ยว น้ำตาลปีบ  เจือ เกลือ พอเกือบเป็นยางมะตูม พักให้เย็น  ไว้ราดด้วย ... จะได้ ซี๊ด ...

เห็น แมะ ... เห็นแมะ ... เพราะตัณหา ตัวเดียว แท้ ๆ ... เลยวุ่นกันทั้งบ้าน

เอ้า ... ลงมือทานดีกว่า ... เชิญครับ

 

ความเห็น

วันก่อนใช้เส้นหมี่ผัดไม่ได้ใส่หรัยนิลุง  ผัดเส้นมี้เฉย ๆ กินหรอยอยู่คนเดียว 555

แถวบ้าน (ปากนัง) เขาห่อใบตองขาย

 

  มี้ ปากนัง ... ดังถึงในเมือง และ

    แขะ หอใบกล่วย ... อีได้แล หย่อนยุค และหา

   " มี้ " สุราษฎร์ หรอยครับลุงพาโล ไม่ว่านาสารหรือกาญจนดิษฐ พูดแล้วน้ำลายไหล  " สักถ้วยต๊ะลุง "

 การทำงานต้องรู้จริงทำจริงจึงประสบกับความสำเร็จ

  ตักเอาตามบาย ทำไว้ลุย ... เผือ เผืน ๆ ลูกแขะที่ทำงานกันโด

    แตหวา กานดิษ ... มีของหวาน หรอย ๆ ลุย

น่ากินจังเลยค่ะ อ่านไปยิ้มไป แถมได้สูตรอาหารด้วย

แบ่งปัน สร้างสรรค์ พอเพียง

 

  ได้สูตรแล้ว ก็ต้องลองครับ 

     ไม่งั้น สูตร ก็เป็นหมัน

น่ากินจัง ขอบคุณที่บอกสูตร ว่างจะลองทำดู

Low Tech แต่ใจรัก

   ด้วยความยินดีครับ

น่ากินจัง   ทำให้นึกถึงที่คอน  ตอนนี้หากินแทบไม่ได้แล้ว   ผัดหมี่เส้นหนมจีน    ป้าทำเป็นม้าย  ลุงลองถามแลที  อยากเห็นจังเลย  ไม่รู้สูญแล้วม้าย  แต่อ่านแล้วคล้ายๆนิ   น้ำทิแตกมันนี่ใช่เลย   พริกชีฟ้าดอกใหญ่นี่ก้าแม่น  น้ำตาลปี๊บก้าใช่  แต่อยากเห็นสูตรเส้นหนมจีนลุงเห้อ

  ไม่เคยใช้เส้นหนมจีน ครับ ...

     หนมจินเดียวหนี่ สาอีเหนียวแข้นได้ ... แต่ถ้าแรกกอนคงยาก .. เส้นหมันเปีือย ผัดยาก

    เอาลงผัด เส้นคงขาดฉาด

        แต่ก้าน่าลอง นะป้านะ ... เผืออิได้ เมนูไหม

หน้า